ทันสถานการณ์โลก วันที่ 8 มกราคม 2562

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตข้อความยืนยันว่าสหรัฐฯ ไม่สามารถอนุญาตให้ผู้คนจากที่ใดก็ตามเดินทางเข้าประเทศโดยไม่มีการตรวจสอบ เหมือนกับที่เกิดขึ้นในรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ซึ่งประธานาธิบดี ทรัมป์ กล่าวว่า การที่พรรคเดโมแครตขัดขวางการสร้างกำแพงก็เพราะการสร้างกำแพงสามารถลดการลักลอบการเดินทางเข้าประเทศได้มากถึงร้อยละ 99 และสามารถลดอาชญากรรมในสหรัฐฯลงด้วย

ความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวกับสภาคองเกรสในเรื่องงบประมาณก่อสร้างกำแพงส่วนแรกประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้หน่วยงานในสังกัดรัฐบาลกลาง 1 ใน 4 ต้องหยุดการทำงาน หรือ ชัตดาวน์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2561 และมีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อ

ส่วนเรื่องการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างประธานาธิบดี ทรัมป์ กับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือครั้งที่ 2 ประธานาธิบดี ทรัมป์ เปิดเผยว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีการพูดคุยที่ดี และเวลานี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาสถานที่จัดการประชุม

ส่วนประเด็นการถอนทหารอเมริกัน 2,000 นายออกจากซีเรีย นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่าการถอนทหารจะต้องเกิดขึ้นตามคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐ แต่จะต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่ากลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสพ่ายแพ้จนไม่สามารถกลับมาเป็นภัยคุกคามได้อีก โดยในเวลาเดียวกัน สหรัฐฯต้องการการรับรองความปลอดภัยของกองกำลังป้องกันตนเองชาวเคิร์ด หรือวายพีจี ที่ปัจจุบันยึดครองพื้นที่ทางเหนือของซีเรีย โดยกลุ่มวายพีจีเป็นกลุ่มที่สหรัฐฯให้การสนับสนุน

นายเจฟฟรีย์ เกอร์ริช ผู้ช่วยตัวแทน การค้าสหรัฐ หรือยูเอสทีอาร์ และนายเดวิด มัลพาส ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าด้วยกิจการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง เป็นตัวแทนเจรจากับผู้แทนจีนเป็นเวลา 2 วัน เริ่มตั้งแต่ เมื่อวานนี้ โดยมีประเด็นหารือคือทรัพย์สินทางปัญญา กรณีการกล่าวหาบริษัทหัวเว่ยจารกรรมข้อมูล ยุทธศาสตร์ รวมถึงข้อตกลงด้านพลังงาน การนำเข้าสินค้าเกษตรและยานยนต์ และสิทธิ์ในการเข้าถึง ของธนาคารต่างชาติในจีน ซึ่งผู้แทนการเจรจาของจีนยืนยันว่า จีนยินดีแก้ปัญหาข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐฯ ด้วยเงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน

เมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดี ทรัมป์ กล่าวว่าเขามีความเชื่อว่าจีนอยากทำข้อตกลง เพราะเศรษฐกิจจีนกำลังซบเซา และเมื่อเดือนก่อนจีนเสนอนำเข้าสินค้า สหรัฐเพิ่มเติมอีก 1 ล้าน 2 แสนล้านดอลลาร์ และประธานาธิบดี ทรัมป์อาจพบกับรองประธานาธิบดี หวัง จี้ชาน ในการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิกฟอรัม ประจำปี ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ในเดือนนี้

ธนาคารโลกออกแถลงการณ์ ระบุว่า นายจิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลก ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งโดยมีผลในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี คือในปี 2565 ทั้งนี้ นายคิม วัย 59 ปี จะไปร่วมงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการทำงานเพิ่มการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา และนางคริสตาลินา จีออร์จีวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารโลก จะดำรงตำแหน่งรักษาการประธานธนาคารโลก

ราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียมีแผนปรับลดการส่งออกน้ำมัน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ ปิดที่ 48.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ ปิดที่ 57.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับขึ้น 2 วันติด ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 98.19 จุด หรือร้อยละ 0.42 ปิดที่ 23,531.35 จุด

เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 17.75 จุด หรือร้อยละ 0.70 ปิดที่ 2,549.69 จุด

แนสแดค เพิ่มขึ้น 84.61 จุด หรือร้อยละ 1.26 ปิดที่ 6,823.47 จุด

สำนักวิจัย ยูกอฟ เผยแพร่ผลการสำรวจความเห็นประชาชนในสหราชอาณาจักร เกี่ยวกับการที่สหราชอาณาจักรจะต้องออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียู ในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ต้องการอยู่ในกลุ่มอียูต่อไป หากมีการลงประชามติโดยทันที กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 46 จะออกเสียงให้อยู่ในกลุ่มต่อไป ขณะที่ร้อยละ 39 จะออกเสียงให้ออกจากอียู

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสาธารณรัฐเช็ก รายงานว่าปี 2561 เป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกอุณหภูมิเมื่อปี 2318 โดยอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีที่แล้วเฉพาะที่กรุงปรากซึ่งเป็นเมืองหลวงอยู่ที่ 12.8 องศาเซลเซียส เพิ่มขึ้นมากถึง 3.2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2318 ถึง 2557 และทำลายสถิติ 12.5 องศาเซลเซียส ระหว่างปี 2557 ถึง 2558 ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของฤดูร้อนในเช็กเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 22.7 องศาเซลเซียส

...