น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด มุตลัก อัลกุนุน ชาวซาอุดิอาระเบีย วัย 18 ปี ซึ่งอ้างว่าหนีมาจากครอบครัวในซาอุดิอาระเบียเนื่องจาก ถูกละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่าเธอได้ขังตัวเองอยู่ในห้องพักของโรงแรม ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทย พยายามจะส่งกลับประเทศเมื่อเช้าวันนี้ หลังจากเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. เวลา 21.30 น.
น.ส.อัลกุนุน กล่าวว่า ต้องการจะเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย แต่ต่อมาเปลี่ยนใจโดยพยายามจะเข้าประเทศไทยแทน แต่เมื่อไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่สตม.ประจำสนามบิน เพื่อขอวีซ่าชั่วคราว ซึ่งโดยปกติพลเมืองซาอุดิอาระเบีย สามารถจะยื่นเรื่องขอวีซ่าประเภทนี้ได้ ถ้าหากมีตั๋วเครื่องบินชัดเจนว่าจะกลับประเทศภายใน 15 วัน ปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่สถานทูตซาอุดิอาระเบียกลุ่มหนึ่ง รอควบคุมเธออยู่ก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่สถานทูตซาอุดิอาระเบีย พยายามจะบังคับให้เธอลงลายมือชื่อในเอกสารชิ้นหนึ่ง แต่เธอปฏิเสธและขอร้องเจ้าหน้าที่สตม.ของไทยว่าจะไม่ลงลายมือชื่อในเอกสาร เธอจึงถูกนำตัวไปพักยังโรงแรมดังกล่าว ในคลิปวีดีโออีกชิ้นหนึ่ง ระบุว่าเธอต้องการจะขอลี้ภัย จะไม่ยอมออกจากห้องพักของโรงแรมจนกว่าจะได้พบกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR)ประจำประเทศไทย
ด้านกระทรวงการต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย ระบุในแถลงการณ์ว่า น.ส.อัลกุนุน ไม่ได้จองตั๋วเดินทางกลับ อีกทั้งไม่มีวีซ่านักท่องเที่ยว ซึ่งเข้าข่ายที่ประเทศไทย จะต้องเนรเทศกลับประเทศ พร้อมปฏิเสธว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตซาอุดิอาระเบีย ไม่ได้ยึดหนังสือเดินทางตามคำอ้าง
นายไมเคิล เพจ รองผู้อำนวยการฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ประจำภูมิภาคตะวันออกกลาง เรียกร้องให้ทางการไทยระงับแผนการเนรเทศ น.ส.อัลกุนุน กลับไปยังตะวันออกกลาง พร้อมทั้งอนุญาตให้เธอยื่นเรื่องขอลี้ภัยกับสำนักงาน UNHCR ประจำประเทศไทย หรือ อนุญาตให้เธอเดินทางต่อไปยังออสเตรเลีย
ขณะที่ ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวว่า สาเหตุที่ ตม.สุวรรณภูมิ ปฏิเสธการเข้าเมืองของหญิงสาวชาวซาอุดิอาระเบีย เนื่องจาก ไม่มีเอกสารการเข้าเมือง และไม่พบข้อมูลการจองห้องพักและซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวกลับ ส่วนสาเหตุที่เธอเดินทางมาประเทศไทยเพราะถูกคลุมถุงชน จึงต้องการหนีการแต่งงานเพราะกฎหมายซาอุดิอาระเบีย โทษฐานหนีแต่งงานค่อนข้างรุนแรง ผบช.สตม. ระบุว่า มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปพูดคุยกับหญิงคนดังกล่าว ให้คลายความกังวล มีรายงานอ้างอิงจาก AFP ว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า จะไม่บังคับน.ส. อัลกุนุน หากไม่ต้องการเดินทางกลับประเทศ และเจ้าหน้าที่ UNHCR จะไปพบตามที่ร้องขอมา
ทีมต่างประเทศ
CR:CNN,Fox 40.com