สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีน้ำในอ่างเก็บน้ำรวม 57,510 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 76 โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้ 33,580 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 64 ของปริมาณน้ำใช้การได้ และ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 17,493 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 70 ของความจุอ่างรวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 10,797 ล้านลูกบาศก์เมตร
แม้ว่าปริมาณน้ำในอ่างส่วนใหญ่จะอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ยังมีบางแห่งที่มีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย เช่นอ่างเก็บน้ำทับเสลา และอ่างเก็บน้ำกระเสียว ต้องสงวนน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศน์ และจัดสรรตามความเหมาะสม เพื่อสนับสนุนการปลูกพืชเกษตร ต่อเนื่องเท่านั้น
ส่วนสภาพน้ำท่าในแม่น้ำสายหลักต่างๆทั่วประเทศส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำน้อยต้องอาศัยการระบายจากเขื่อน เพื่อรักษาระบบนิเวศ ส่วนค่าความเค็มในแม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำบางปะกงยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ค่าความเค็มอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบและรักษาคุณภาพของน้ำในการอุปโภคบริโภคและผลิตน้ำประปา
สำหรับแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 61/62 ระหว่าง 1 พฤศจิกายน 2561 ถึง 30 เมษายน 2562 ได้มีการจัดสรรน้ำตามแผนใช้น้ำฤดูแล้งจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ขนาดกลางและแหล่งน้ำอื่นๆรวมทั้งสิ้น 23,100 ล้านลูกบาศก์เมตร เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแผนจัดสรรน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก รวม 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ผลการจัดสรรน้ำในช่วงปี 61-62 ทั้งประเทศปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 7 พันล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 30 ของแผนทั้งประเทศ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วกว่า 2,900 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 37 ของแผน
นอกจากนี้ยังได้เตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งเช่นเครื่องสูบน้ำ 1,851 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 200 คัน กระจายอยู่ตามโครงการชลประทานทั่วประเทศ พร้อมบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัดติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้ประชาชนรับทราบตลอดเวลา ถึงแม้จะมีปริมาณน้ำต้นทุนเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและการรักษาระบบนิเวศแต่ยังคงต้องขอความร่วมมือจากประชาชนและเกษตรกรร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้พร้อมลงการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เนื่องจากข้าวโพดเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยและมีตลาดรองรับผลผลิตที่แน่นอนซึ่งจะเป็นการช่วยประหยัดน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัดและสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูฝนหน้าอีกด้วย