สรุปข่าว 12.30น.วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2562

03 มกราคม 2562, 12:19น.


สรุปข่าว 12.30น.วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2562



+++กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กำชับอุทยานแห่งชาติในพื้นที่ภาคใต้ ด้านอ่าวไทยทุกแห่ง ที่อยู่ในจังหวัดจุดเสี่ยงได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก เตรียมพร้อมรับมือ แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวให้ติดตามและฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพื้นที่กระทบรุนแรงให้ประเมินปิดอุทยาน งดรับนักท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว เช่น อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี



+++ส่วนผู้ประกอบการเรือหางยาวนำเที่ยวหน้าหาดอ่าวนาง และหาดนพรัตน์ธารา ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ กว่า 300 ลำ งดออกบริการชั่วคราว โดยนำเรือไปจอดหลบคลื่น ที่อ่าวด้านหลังที่ทำการอุทยานหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เพื่อความปลอดภัย แม้เช้านี้คลื่นหน้าหาดยังปกติ แต่ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ขณะที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลในจังหวัดกระบี่ ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี และอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ออกประกาศปิดแหล่งทองเที่ยว ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 5 มกราคม ขณะที่ ผู้ว่ากระบี่ สั่งติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด หากมีข้อบ่งชี้ว่าเกิดความเสี่ยงให้อพยพประชาชนทันที



+++ด้านเจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ ออกประกาศห้ามเรือเล็กทุกชนิด ออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค.นี้ ขณะที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลใน จ.กระบี่ ต่างห้ามเรือนำเที่ยวออกเที่ยวทางทะเลเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ด้านผู้ประกอบการเรือทัวร์ เพิ่มรู้ประกาศห้ามเดินเรือในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค.62 ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องคืนเงินให้นักท่องเที่ยว และพากันเก็บข้าวของกลับ ทำให้ผู้ประกอบการแทบทุกราย พากันบ่นขาดทุน เนื่องจากมีการเตรียมข้าวของ อาหารการกินไว้ให้นักท่องเที่ยวแล้ว ขณะที่บางส่วนก็มีการปรับรูปแบบการเที่ยวแทน โดยทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวในเรื่องสภาพอากาศ และความปลอดภัย ก่อนจะปรับให้ไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวบนบกแทน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็เข้าใจ ส่วนสถานการณ์คลื่นลมในทะเลกระบี่ พบว่าใกล้ชายฝั่ง คลื่นยังไม่สูงมาก แต่ในทะเลคลื่นเริ่มมีกำลังแรง สูงประมาณ 1-2 เมตร



+++นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ได้เปิดเผยถึงสถิติดำเนินคดี ตามความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ช่วง 7 วันอันตราย ในวันหยุดท้ายปี 2561 จนถึงเทศกาลปีใหม่ 2562 ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2561 - 2 ม.ค. 2562 ว่า ปริมาณคดีความผิด ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นทั่วราชอาณาจักร 232 ศาล ช่วง 7 วันที่ผ่านมา ที่รวบรวมข้อมูลโดยศูนย์ข้อมูลคดี สำนักแผนงานและงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรมนั้น มีข้อหาที่เข้าสู่การพิจารณาทั้งหมด รวม 21,238 ข้อหา ซึ่งศาลพิจารณาพิพากษาเสร็จ 19,888 ข้อหา คิดเป็น ร้อยละ 93.64   โดยข้อหาที่มีการกระทำผิดสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ 1.ขับรถขณะเมาสุรา 19,603 ข้อหา จังหวัดที่มีปริมาณคดีขึ้นสู่การพิจารณาสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.นครราชสีมา 1,197 ข้อหา 2.ชลบุรี 1,050 ข้อหา 3.กรุงเทพมหานคร 1,046 ข้อหา 4.เชียงใหม่ 927 ข้อหา 5.ร้อยเอ็ด 850 ข้อหา



+++คดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาล เฉพาะประจำวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ถือว่าสูงที่สุดในช่วง 7 วันอันตราย มีถึง 7,390 ข้อหา โดยข้อหาที่มีการกระทำผิดสูงสุด คือ ขับรถขณะเมาสุรา 7,048 ข้อหา อาจเป็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีด้วย ขณะที่ช่วงวันก่อนหน้าเป็นช่วงของการเดินทางเพื่อเข้าสู่การเฉลิมฉลองเทศกาล สำหรับการเปรียบเทียบตัวเลขคดีความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ช่วง 7 วันอันตรายที่เข้าสู่ศาล พบว่า ในปี 2562 มี คดีมากกว่า ถึง 5,651 ข้อหา เมื่อเทียบกับปี 2561  โดย ในปี 2561 มีคดีเข้าสู่ศาลรวมทั้งสิ้น 15,587 ข้อหา ขณะที่ 2562 มีคดีรวม 21,238 ข้อหา



+++กระแสข่าวจะมีการเลื่อนเลือกตั้งออกไป พ.อ.ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย และหัวหอกทีมยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล  กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้มองประเด็นนี้สำคัญ แต่พรรคตั้งธงว่า ถ้าเลือกตั้งไม่เลื่อนก็พร้อมเกิน 100% อยู่แล้ว และขณะนี้ทีมยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล และด้านการศึกษาจับมือกันวางตารางวันเวลาไปถึงวันเลือกตั้ง เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. โดยให้ลงพื้นที่เข้าถึงชาวบ้าน อย่ารอให้ชาวบ้านมาหาเรา



+++นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวว่า กำลังติดตามดูอยู่เหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อไปในประเด็นการเลือกตั้ง ส่วนตัวเข้าใจว่าการเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้เป็นงานยากสำหรับ กกต.ชุดนี้ เพราะเป็น กกต.ใหม่ทั้งชุด เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน ขออย่าให้คิดเป็นอย่างอื่น และอยากให้กำลังใจ กกต.ไม่วิพากษ์วิจารณ์ เหมือนประชาชนคนไทยที่ให้กำลังใจ กกต.ทำงานให้ได้มีประสิทธิภาพ ทำให้การเลือกตั้งชอบธรรม บริสุทธิ์ เพราะนี่คือหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย



+++ชาวฮินดูในรัฐเกรละ ทางตอนใต้ของอินเดียร่วมการชุมนุมประท้วงกรณีที่มีสตรี 2 คนอายุประมาณ 40 ปี เข้าไปในเทวสถานซาบาริมานา ซึ่งเป็นเทวสถานสำคัญของชาวฮินดูที่มีข้อห้ามสตรีอายุระหว่าง 10-50 ปี เข้าไปในเทวสถานมานานกว่า 100 ปี แต่รัฐบาลอินเดียเพิ่งยกเลิกข้อห้าม และทั้ง 2 คนเข้าไปในเทวสถานเมื่อวันพุธโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การคุ้มครองตลอดเวลา ซึ่งทำให้ชาวฮินดูจำนวนมากไม่พอใจเข้าร่วมการชุมนุมโดยระบุว่าเป็นการฝ่าฝืนธรรมเนียมปฏิบัติในการเข้าถึงศาสนสถาน สถานการณ์เพิ่มความรุนแรงขึ้นจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม และให้ปิดเทวสถานเพื่อทำพิธีชำระล้าง ทั้งนี้เทวสถานหลายแห่งของอินเดียมีข้อห้ามสตรีเข้าไปในพื้นที่แต่รัฐเกรละมีความขัดแย้งรุนแรงมากที่สุด โดยเมื่อวันอังคารสตรีจำนวนมากเข้าร่วมการเดินขบวนและเข้าแถวเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ โดยเฉพาะการเข้าถึงศาสนสถาน แต่นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดียกล่าวว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ แต่เป็นเรื่องของธรรมเนียมปฏิบัติ

ข่าวทั้งหมด

X