นายกฯยึดหลักธรรมปกครองประเทศ แนะเด็กนร.ใช้สมองใคร่ครวญ อย่าให้ใครบิดเบือน

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้  นายวีระ โรจน์พจนรัตน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำคณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เข้าพบนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมรณรงค์เผยแพร่พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน  โดยมีตัวแทนนักเรียนชั้นมัธยม จากมูลนิธิครอบครัวพอเพียง จำนวน30 คนเข้าร่วมนำเสนอกิจกรรม  โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ทักทายกับนักเรียนและสอบถามว่า พระไตรปิฎกมีกี่ขันธ์ ซึ่งนักเรียนตอบว่าพระไตรปิฎกมีทั้งหมด 84,000 พระธรรมขันธ์ จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้นำเหล่านักเรียนกล่าวคำพร้อมกันว่า " คนไทยต้อง ซื่อสัตย์ กตัญญู ขยัน อดทน จงรักภักดี ถ้าเป็นแบบนี้”ลุงก็มีความหวัง”

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้เยี่ยมการเสนอกิจกรรมซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เปิดอ่านข้อความหลักธรรม บนปกหนังสือพระไตรปิฎก เกี่ยวกับการปกครองประเทศให้ได้ผลดี พร้อมกล่าวว่าจะต้องจับหลักเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการแจกพันธุ์พืช แก่เกษตรกร และให้แนวทางการพัฒนากับพ่อค้า ร้านค้า อย่างสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ขณะนี้ในเรื่องเศรษฐกิจ และอย่าให้ใครมาบิดเบือน โดยจะแจกทั้งหมดก็ไม่ได้ ซึ่งจะต้องดูแลทุกภาคส่วน อย่างความซื่อสัตย์ สุจริต จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมถ่ายภาพร่วมกับนักเรียน พร้อมสอนนักเรียนว่า เป็นนักเรียนต้องมีทักษะตาดูหูฟังใช้สมองคิดใคร่ครวญให้ดี และนำหลักความเป็นไทยมาปฏิบัติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยนายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี  หรือ Yothi Medical Innovation District : YMID ซึ่งระหว่างการเยี่ยมชมนายกรัฐมนตรีได้มีการเสนอแนะแต่ละบูธจัดแสดงนวัตกรรมต่างๆ อย่างนวัตกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ช่วยการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง และได้ทดลองนวัตกรรมดังกล่าวอีกด้วย

โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ระบบสาธารณสุขในปัจจุบันจะให้แบบเดิมๆไม่ได้ รักษาบริการฟรี แต่ต้องทั้งความรู้และการบริการไปพร้อมกัน ในการวิจัยและพัฒนาสิ่งของต่างๆนั้นมา โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งจะถือได้ว่าเป็นการปฏิรูปด้านสาธารณสุข  ซึ่งตนเองรู้สึกยินดีที่สามารถคิดค้นนวัตกรรมขึ้นมา  พร้อมกับระบุว่า อย่าลืมจดลิขสิทธิ์ อยากให้แต่ละหน่วยงานค้นหาตัวเองว่ามีความถนัดทางด้านใด แล้วนำมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันแบบบูรณาการร่วมกัน  นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า การร่วมมือกันของโรงพยาบาลทั่วประเทศ ในครั้งนี้ถือเป็นผลสำเร็จของไทย อาจมีความร่วมมือจากต่างประเทศลงมาบ้าง ซึ่งถือเป็นการปฏิรูป และยังเน้นย้ำอีกว่า การปฏิรูปไม่ใช่เรื่องง่าย  รัฐบาลสั่งการอยู่หน่วยเดียวไม่สามารถสำเร็จได้ รัฐบาลจะเป็นเพียงผู้ตีกรอบให้ แต่จะต้องให้หน่วยงานต่างๆร่วมกันด้วย ประเทศไทยจะต้องเป็นแบบนี้ต่อไป และขอฝากไว้กับทุกคนด้วย  ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีได้กล่าวสวัสดีปีใหม่กับแพทย์ที่มาแสดงนิทรรศการและยังระบุอีกว่า วันนี้อยากให้ทำแต่สิ่งดีๆให้กับประเทศไทย ช่วยกันคิด ช่วยกันทำต่อ