อภิสิทธิ์ เชื่อรัฐบาลใหม่ จะได้รับการยอมรับ มั่นใจรักษาฐานเสียงเดิมไว้ได้

01 มกราคม 2562, 15:09น.


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเมืองหลังเลือกตั้งว่า อยากให้รัฐบาลที่เข้ามามีเสถียรภาพเพื่อให้ประชาชนยอมรับ แต่มองว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันมีอำนาจกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาเพราะอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขที่จะเกิดปัญหาในอนาคต รวมถึงความได้เปรียบของบุคคลในรัฐบาลที่สังกัดพรรคการเมือง และการลงพื้นที่ ครม.สัญจร ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับและมีความไม่เป็นธรรม และอาจเป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่วิกฤติทางการเมืองในอนาคต ซึ่งการไม่ยอมรับของประชาชนจะมาในรูปแบบใดยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้



ส่วนที่เริ่มมีการใช้เงินในการหาเสียงเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่สามารถเข้ามาดูแลได้อย่างเต็มที่ เพราะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายกำหนดไว้ ว่าสามารถใช้เงินได้ 1.5 ล้านบาทต่อเขตซึ่ง กกต.ก็ต้องตรวจสอบว่า พฤติกรรมการใช้เงินในขณะนี้ส่งผลกับความไม่เป็นธรรมต่อการเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งพรรคยังมั่นใจว่า พรรคจะได้คะแนนเดิมที่ประชาชนสนับสนุนพรรคและคะแนนจากคนรุ่นใหม่และคนที่เคยเลือกผู้สมัครพรรคอื่น แต่ยอมรับว่าระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ ที่ 1 คะแนนเสียง สามารถเลือก ส.ส.เขต ,บัญชีรายชื่อ และนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถเดาใจประชาชนได้ แต่อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าทุกคะแนนมีความหมายอย่างไร และทุกคนดูออกว่าใครเล่นนอกกติกา ทุกพรรคต้องแย่งชิงคะแนนทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น



สำหรับจุดยืนของพรรคในการร่วมกับพรรคการเมืองอื่นหลังจากการเลือกตั้ง ยังคงยืนยันว่า ต้องเป็นไปภายใต้อุดมการณ์ที่ตรงกันที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนตามที่พรรคได้ให้นโยบายไว้ และหวังว่าพรรคจะเป็นเสียงอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาล ส่วนการร่วมงานกับสมาชิกวุฒิสภาที่แต่งตั้ง โดย คสช. นั้นมองว่า จะต้องเป็นการทำงานเพื่อประโยชน์ของสังคม ซึ่งหากทางพรรคได้เป็นรัฐบาลก็มั่นใจว่าจะสามารถบริหารประเทศได้และไม่ตั้งหน้าตั้งตาทะเลาะกับ ส.ว.



ส่วนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2562 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจภายในประเทศจะดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์สงครามทางการค้า และการที่หน่วยงานราชการของสหรัฐอเมริกาบางแห่งหยุดให้บริการ หรือ ชัตดาวน์ ภายหลังจากวุฒิสภาลงความเห็นไม่อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งครอบคลุมงบประมาณในการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกที่มีมูลค่าสูงถึง 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 185,000 ล้านบาท.

ข่าวทั้งหมด

X