ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันที่ 1 มกราคม 2562

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ว่าจีนจะไม่หยุดดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศ แม้จะมีความกังวลว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯอาจฉุดการเติบโตของธุรกิจทั่วโลก แต่ในเวลาเดียวกันเขาได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเรื่องการสร้างความร่วมมือ โดยชาวจีนต้องพึ่งพาตนเอง ขยันขันแข็ง และกล้าที่จะเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี สี โทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ซึ่งนอกจากการอวยพรปีใหม่ให้แก่กันและกันแล้ว ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้คนทั่วโลกกำลังจับตามอง และหวังว่าทั้ง 2 ประเทศจะช่วยผลักดันข้อตกลงที่บรรลุผลในการประชุม จี-20 ที่อาร์เจนตินาให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่คนทั้งโลก ขณะที่ผู้นำจีนกล่าวว่า จีนมีความปรารถนาที่จะมีความร่วมมือกับสหรัฐฯในทุกประเด็นบนความเคารพในผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน และสนับสนุนการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ

ส่วนการเมืองภายในสหรัฐฯ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทวีตข้อความว่า จะปิดชายแดนทางใต้ของประเทศ หากสภาคองเกรสไม่จัดสรรงบประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างกำแพงแนวชายแดนที่ติดต่อกับเม็กซิโก ซึ่งเป็นนโยบายที่เขาให้ไว้เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามปัจจุบันหน่วยงานของรัฐบาลส่วนใหญ่ยังคงต้องปิดทำการหรือชัตดาวน์ เนื่องจากขาดงบประมาณเนื่องจากสภาคองเกรสยังไม่สามารถทำความตกลงงบประมาณ

นายชัค ชูเมอร์ แกนนำของเดโมแครตในวุฒิสภา เปิดเผยว่า รีพับลิกันและเดโมแครต ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันในการยุติวิกฤติชัตดาวน์ ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม โดยเดโมแครตเสนอมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนงบประมาณ 1,300 ล้านดอลลาร์แต่คัดค้านการสร้างกำแพง

รอยเตอร์/อิปซอส รายงานผลการสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันระบุว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 47 มองว่าประธานาธิบดี ทรัมป์ต้องเป็น คนรับผิดชอบต่อเหตุชัตดาวน์ อีกร้อยละ 33 โทษเดโมแครต

นายมิคาอิล บ็อกดานอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซียว่า รัสเซียจะเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดสามฝ่ายรัสเซีย อิหร่านและตุรกีเพื่อแก้ไขวิกฤติซีเรีย โดยรัสเซียกับอิหร่านสนับสนุนรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัลอัสซาดของซีเรีย ขณะที่ตุรกีสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ขณะที่สงครามกลางเมืองซีเรียที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2554 ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 5 แสนคน ตามการประเมินของกลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย

และในช่วงปีใหม่นี้ ประธานาธิบดี ทรัมป์ เตรียมออกคำสั่งบริหาร (Executive Order) เพื่อประกาศเป็นวาระฉุกเฉินแห่งชาติห้ามบริษัทอเมริกันทุกแห่งใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่ผลิตโดยหัวเว่ยและแซดทีอี ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่าเป็นความพยายามที่จะขับไล่หัวเว่ย เทคโนโลยี และแซดทีอี คอร์ป 2 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่สุด สัญชาติจีนออกจากสหรัฐอเมริกา หลังจากที่กล่าวหาว่า 2 บริษัทพยายามเจาะข้อมูลของทางการ

นายเคน หู ซึ่งเป็นประธานของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี เรียกร้องให้สหรัฐและประเทศต่างๆแสดงหลักฐานที่ระบุว่าบริษัทเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ โดยข้อกล่าวหาต่าง ๆ ต่อหัวเว่ยเป็นเรื่องทางการเมือง ทั้งเตือนว่า การถูกกีดกันออกจากตลาดออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ จะทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากบริษัทมีซัพพลายเออร์ 13,000 รายทั่วโลก

บลูมเบิร์ก บิสสิเนสวีก ระบุว่า ปี 2562 จะเป็นปีแห่งเทคโนโลยี การชิงตำแหน่งมหาอำนาจโลกยุคดิจิทัล จะต้องแข่งกันจากการชิงความเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5จี  ยานยนต์ไร้คนขับ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความมั่นคงในทศวรรษข้างหน้า

ทำเนียบดาวนิ่งสตรีทเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ของสหราชอาณาจักรมีการติดต่อพูดคุยกับผู้นำของสหภาพยุโรป หรือ อียู เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้อตกลงเบร็กซิทจะผ่านการลงมติของรัฐสภาในช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาสหราชอาณาจักรไม่เห็นด้วยกับร่างเบร็กซิทฉบับที่นายกรัฐมนตรีทำความตกลงกับผู้นำอียู และมีกำหนดลงมติในวันที่ 14 มกราคมนี้

ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นในการซื้อขายวันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม 2561 โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ ปิดที่ 45.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 53.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

น้ำมันสัญญาสหรัฐฯขยับลงถึงร้อยละ 10.8 ในเดือนธันวาคม รวมทั้งปีปรับลดร้อยละ 24.8 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ขยับลงมากกว่าร้อยละ 8 ในเดือนธันวาคม และตลอดทั้งปีปรับลดร้อยละ 19.5

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 265.06 จุด หรือร้อยละ 1.15 ปิดที่ 23,327.46 จุด

เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 21.11 จุด หรือร้อยละ 0.85 ปิดที่ 2,506.85 จุด

แนสแดค เพิ่มขึ้น 50.76 จุด หรือร้อยละ 0.77 ปิดที่ 6,535.28 จุด

 ..