+++เวลา 18.00 น. ติดตามผลการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พิจารณาสำนวนคดีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สำหรับคดีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร เข้าสู่การพิจารณาของป.ป.ช. เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว
เนื่องจาก ไม่มีการแจ้งในบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ได้ ต่อมา พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. ที่เป็นอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พล.อ.ประวิตร ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้ เพื่อความโปร่งใส โดยจะไม่เข้าร่วมประชุมใดๆที่เกี่ยวกับคดี พล.ต.อ.วัชรพล ระบุว่า การพิจารณาวันนี้มีหลายเรื่อง สำนวนเรื่องนาฬิกาหรู ไม่ได้เข้าประชุมด้วย จึงขอให้รอผลการประชุม และรอการแถลงของนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช.
+++มีรายงานว่า การประสานขอข้อมูลไปยังบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาในต่างประเทศ โดยเฉพาะฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ ป.ป.ช.ได้รับข้อมูลตอบกลับเป็นซีเรียลนัมเบอร์ของนาฬิกามาเพียง 10 เรือนเท่านั้น ซึ่งการแสวงหาข้อเท็จจริงนาฬิกาทั้งหมดมี 22 เรือน อีกทั้งข้อมูลที่ได้มาไม่มีการยืนยันว่าชื่อบุคคลใดเป็นเจ้าของ หรือผู้ครอบครอง หรือใครเป็นผู้ซื้อ
+++พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ทราบผลการพิจารณา แต่ยืนยันว่านาฬิกาเป็นของคนอื่นทั้งหมด เป็นการซื้อต่อกันมา และเอามาให้ยืม ซึ่งไม่ทราบว่าใครเป็นคนซื้อ เชื่อว่าป.ป.ช.คงไม่ช่วยเหลือตนเรื่องนี้
+++รายงานข่าวสมาคมค้าทองคำ แจ้งว่า ทองคำในประเทศปรับขึ้น 50 บาทโดยทองแท่งรับซื้อบาทละ 19,500 บาท ขายออกบาทละ 19,600 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 19,147.08 บาท และขายออกบาทละ 20,100 บาท ราคาต่างประเทศอยู่ที่ 1,272 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จากเมื่อวานนี้อยู่ที่ 1,269 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 32.57 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมอยู่ที่ 32.56 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
+++ราคาทองคำ ได้รับแรงหนุนจากความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐฯ หลังจากภาวะชัตดาวน์ หรือ การปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปจนถึงต้นปีหน้า ตอกย้ำด้วยคำกล่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ในการประชุมทางไกลกับทหารสหรัฐฯที่ประจำการอยู่ต่างประเทศที่ระบุว่า การชัตดาวน์จะดำเนินต่อไปจนกว่ารัฐสภาจะยอมอนุมัติคำของบประมาณสนับสนุนการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก
+++การเมืองสหรัฐฯ ยังมีความวุ่นวาย รวมกับความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมไปถึงข่าวลือว่านายทรัมป์ อยู่ในระหว่างพิจารณาที่จะขับนายเจอโรม พาวเวล พ้นจากตำแหน่งประธานเฟด ทำให้นักลงทุนทั่วโลกหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Risk- off) จนกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
+++เว็ปไซต์ข่าวเทียนชาน ของจีนรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดที่โรงงานเคมีในเขตปกครองตนเองซินเจียง ในบ่ายวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนและบาดเจ็บ 7 คน สำหรับโรงงานแห่งนี้คือโรงงานซินเจียง ซินดี เอนเนอยี เคมิคอล โค (Xinjiang Xinzhi Energy Chemicals Co) ซึ่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นขณะที่กำลังมีการทดสอบเตาเผาปูนขาวแบบหมุน
+++อุบัติเหตุร้ายแรงในโรงงานครั้งนี้ยังเกิดขึ้น 1 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุก๊าซรั่วไหลและระเบิดขึ้นที่โรงงานในเครือของเคมไชน่า (ChemChina) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 คนในมณฑลเหอเป่ย แม้ว่าประชาชนจะมีความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการที่ผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงตั้งแต่การทำเหมืองไปจนถึงไฟไหม้โรงงาน แม้ว่าทางการจีนให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงมาตรฐานอุตสาหกรรม แต่ในการทำงานตรวจสอบก็ยังมีช่องว่างอยู่มาก
แฟ้มภาพ