ศาลจังหวัดมีนบุรี อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตสจล.กว่า15ชั่วโมง ยกฟ้อง ถวิล พึ่งมา

26 ธันวาคม 2561, 06:19น.


ศาลจังหวัดมีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) รวม 3 สำนวน ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเวลาประมาณ 01.30 น. ใช้เวลากว่า 15 ชั่วโมง เนื่องจาก เนื้อหาคำพิพากษา มีความหนาถึง 572 หน้า เป็นคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 11 (อัยการจังหวัดมีนบุรี) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 43 ปี อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ กับพวกรวม 14 คน ในความผิดฐานร่วมฟอกเงินและข้อหาอื่น ๆ ที่มีโทษตามกฎหมาย



ศาลพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ของนายทรงกลด จำเลยที่ 1 น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 59 ปี ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สจล. จำเลยที่ 2 ร่วมกันใช้ทั้งอำนาจในหน้าที่และในฐานะส่วนตัวฉ้อฉล ลักทรัพย์เงินจากบัญชี สจล.ไปเมื่อเดือนธ.ค.2557 ยอดแรกกว่า 80 ล้านบาท และยังร่วมกับนายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 30 ปี จำเลยที่ 3 ฟอกเงิน การกระทำของนายทรงกลด จำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามฟ้องฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง, ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม กับฟอกเงิน จำคุกรวม 193 ปี 8 เดือน คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 145 ปี 3 เดือน โดยโทษกระทงหนักสุดที่จำคุกสูงสุดนั้นเกินกว่า 10 ปี ดังนั้นเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วจำคุกทั้งสิ้น 50 ปี โดยให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืน สจล. รวม 80 ล้านบาท และคืนเงิน ธ.ไทยพาณิชย์  อีก 636,795,884.80 บาท



ส่วน น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรฯ ด้วย มาตรา 4,8 รวมจำคุกทั้งสิ้น 203 ปี ลดโทษ 1 ใน 4 คงจำคุก 152 ปี 3 เดือน โดยโทษกระทงหนักสุดที่จำคุกสูงสุดนั้นเกินกว่า 10 ปี ดังนั้นเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกทั้งสิ้น 50 ปี โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมจำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืนด้วย



ขณะที่นายพูนศักดิ์ จำเลยที่ 3 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี, น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ อายุ 30 ปี จำเลยที่ 4 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน, นางระดม มัทธุจัด จำเลยที่ 6 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 18 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 13 ปี 6 เดือน, นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ อายุ 35 ปี จำเลยที่ 7 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี, นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อายุ 54 ปี



จำเลยที่ 10 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 33 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 24 ปี 9 เดือน ให้ร่วมจำเลยที่ 1 และที่ 2 คืนเงิน ธ.ไทยพาณิชย์ อีก 55,972,785.80 บาท, นายสลุต ราชบุรี อายุ 57 ปี จำเลยที่ 11 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี, นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด กก.บริษัทมัทธุจัดจำกัด จำเลยที่ 12 ที่รับโอนเงินจากการฉ้อฉลเข้าบัญชี ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 36 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 27 ปี โดยโทษกระทงหนักสุดที่จำคุกสูงสุดนั้นเกินกว่า 3 ปีแต่ไม่เกิน 10 ปี ดังนั้นเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกทั้งสิ้น 20 ปี, นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ จำเลยที่ 13 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ลำเลยที่ 14 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน และให้ยกฟ้องนายสมบัติ โสประดิษฐ์ จำเลยที่ 5 , นายภาดา บัวขาว จำเลยที่ 8 และ นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสจล. จำเลยที่ 9



ภายหลังฟังคำพิพากษา นายถวิล กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งตนไม่ได้กระทำผิด หากอัยการ จะยื่นอุทธรณ์ ก็พร้อมสู้คดี



แฟ้มภาพ 



CR: facebook กู้พระจอมเกล้าฯลาดกระบัง



 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X