หลังพนักงานในสังกัด การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ไม่พอใจการขยายเวลาสัมปทานโครงการทางด่วนขั้นที่2 ให้กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นระยะเวลาถึง37ปี เพื่อแลกกับการล้างหนี้จำนวน137,000ล้านบาท วันนี้ กทพ.ได้จัดสัมมนาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาทกับผู้รับสัมปทาน ระหว่างบอร์ดบริหารและพนักงาน นายชาญชัย โพธิ์ทองคำ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ. และ นายบัณฑิต พรึงลำภู เลขาธิการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ. ในฐานะตัวแทนพนักงาน กล่าวว่า พนักงาน กทพ.เกือบทั้งองค์กรไม่เห็นด้วยกับการขยายสัมปทานดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้กทพ. จ่ายค่าชดเชยให้แก่BEMเพียงคดีทางยกระดับดอนเมือง คิดเป็นราคาหนี้เพียง 4.2 พันล้านบาทเท่านั้น แต่คดีอื่นๆยังไม่มีการตัดสิน ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องการจ่ายหนี้ถึง137,000บาท และไม่มีการสำรวจความคิดเห็นจากพนักงานในองค์กรก่อน จึงอยากขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย เพราะหากไม่ขยายสัมปทานให้BEM ต่อนั้น จะทำให้รายได้หลังจากนี้เข้ารัฐ ไม่ต้องแบ่งให้เอกชน
.jpg)
ด้านบอร์ดบริหาร นายสุรงค์ บูลกุล ประธานกรรมการกทพ. ดร.ปกรณ์ อาภาพันธ์ กรรมการกทพ. ดร.สุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการ กทพ. และนายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน กทพ. ชี้แจงว่า การขยายสัมปทานให้BEM ระยะ37ปี เป็นเพียงแนวทางการแก้ปัญหาหนี้เท่านั้น ยังไม่ได้เป็นการตัดสินใจ เพราะจะต้องเสนอแนวทางให้คณะกรรมการกลั่นกรองอีกครั้ง ทางเลือกนี้ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ เป็นการสร้างอนาคตที่ดีให้กับองค์กรและพนักงาน ซึ่งการจ่ายหนี้มีหลักเกณฑ์ไว้ว่า กทพ.จะต้องไม่เสียเงินสด แต่ยังได้ส่วนแบ่งเหมือนเดิม และ พนักงานต้องไม่มีผลกระทบ ทั้งนี้ได้ให้พนักงานเสนอความคิดเห็นและแนวทางในการต่อสู้คดีที่ยังอยู่ระหว่างพิพาทอีก2คดีมาเสนอผ่านคณะกรรมการ เพื่อเป็นการช่วยแก้ปัญหา พร้อมฝากว่าขอให้ช่วยกันคิด เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่เหมาะสมกับทุกคน ยืนยันคณะกรรมการไม่ได้ตัดสินให้ขยายสัมปทานอย่างเด็ดขาด ยังต้องผ่านการพิจารณาอีกหลายขั้นตอน ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

ภายหลังนายชาญชัยรับฟังคำชี้แจงจากบอร์ดบริหารแล้วยังคงยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการต่อสัมปทานให้BEMถึง37ปี หากคิดคำนวณออกมาแล้ว BEM จะได้รับเงินรวมกว่า300,000ล้านบาท มากกว่าหนี้ที่กทพ.จะต้องจ่ายให้ ขณะที่ทิศทางของทางด้านพนักงานยังคงแต่งกายด้วยชุดสีดำ และยังยืนยันว่าจะลงรายชื่อเพื่อต่อสู้คดีที่ยังไม่ได้พิพาทต่อไป และมองว่าสถานะการเงินยังมีความพร้อม คดีไหนศาลตัดว่าแพ้ก็ว่าไปตามกฎหมาย ซึ่งคดีที่ยังไม่ตัดสิน อาจจะมีโอกาสที่จะชนะคดี
สำหรับการยื่นข้อมูลเพื่อทำข้อตกลงเจรจาขยายสัมปทาน37ปี ที่ทางบอร์ดบริหารจะยื่นต่อคณะกรรมการกำกับพ.ร.บ.ร่วมทุนปี56 ในวันพรุ่งนี้ นั้น พนักงานมองว่า ยังมีข้อมูลบางสิ่งที่ไม่ครบถ้วน แต่ทำไมถึงเร่งเสนอ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หนี้ที่ต้องจ่ายเท่ากับทรัพย์สินที่กทพ.มีอยู่ จึงอยากให้บอร์ดบริหารขอเวลาการยื่นข้อมูล เพื่อทบทวนและนำข้อเสนอของพนักงานไปพิจารณาให้ถูกต้องครบถ้วนก่อน ยังไม่กำหนดระยะเวลาว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งทางบอร์ดฝ่ายบริหารระบุว่าในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปขอเลื่อนการยื่นข้อมูลดังกล่าว โดยมีประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ.เดินทางไปด้วย