นายสตาฟฟาน เดอ มิสตูรา ทูตพิเศษขององค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เตือนว่ามีคนราว 700 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ติดค้างอยู่ในเมืองโคบานี เมืองชายแดนของซีเรีย เขายังได้เรียกร้องให้ตุรกี อนุญาตให้อาสาสมัครข้ามเข้าไปยังซีเรียได้ เพื่อปกป้องเมืองโคบานีให้พ้นจากการยึดครองของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม(ไอเอส) ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่ากลุ่มไอเอส สามารถควบคุมที่ทำการใหญ่ของนักรบชาวเคิร์ดในเมืองนั้น แต่เรื่องนี้ได้รับการปฏิเสธจากหน้าที่ซีเรียเชื้อสายเคิร์ดในเมืองนั้นว่าไม่เป็นความจริง เมืองโคบานี เป็นพื้นที่ ที่มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดต่อเนื่องมา 3 สัปดาห์ ระหว่างกลุ่มไอเอสกับนักรบท้องถิ่น การปะทะกันทำให้พลเมืองซีเรียเชื้อสายเคิร์ดหลายแสนคน หลบหนีเข้าไปยังตุรกีประเทศเพื่อนบ้าน ด้านกองกำลังชาวเคิร์ด ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางอากาศจากสหรัฐฯและพันธมิตร กล่าวว่า พวกเขาต้องการอาวุธและกระสุนเพิ่มเติม เพื่อผลักดันกลุ่มไอเอสให้ถอยร่นไปจากเมืองโคบานี ระบุว่าพลเรือนจะถูกสังหารหมู่ หากเมืองนั้นตกอยู่ในความครอบครองของกลุ่มไอเอส พร้อมทั้งเตือนยูเอ็นว่าคงจะไม่อยากเห็นสภาพคล้ายเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เกิดขึ้นในเมืองเซร็บเรนิกา ซึ่งชายฉกรรจ์และเด็กชายมุสลิมหลายพันคนถูกสังหารโดยกองกำลังบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ ระหว่างที่เกิดปัญหาขัดแย้งในบอสเนียเมื่อปี 2538