จากเหตุสึนามิบริเวณช่องแคบซุนดา อินโดนีเซีย เมื่อเวลา 21.30 น. ของคืนวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 222 คนและมีผู้บาดเจ็บ 843 คนและสูญหายอีก 28 คน โดยมีสาเหตุมาจากภูเขาไฟอนัก กรากะตัว ปะทุขึ้น ทำให้เกิดดินถล่มใต้ทะเล ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ตามมา ทำลายทั้งอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมถึงเวทีคอนเสิร์ตกลางแจ้งซึ่งในเวลานั้นวงดนตรีเซเว่นทีน กำลังเปิดแสดงอยู่ที่ริมหาดแหล่งท่องเที่ยวดังของเกาะสุมาตรา ทำให้นักดนตรี-ผู้จัดการวงเสียชีวิต และเพื่อนร่วมวงสูญหาย
ช่องแคบซุนดา ตั้งอยู่ระหว่างฝั่งตะวันตกของเกาะชวากับตอนใต้ของเกาะ สุมาตรา ขณะที่สึนามิที่เกิดขึ้นมีความสูง 2-3 เมตร โดยในกลุ่มผู้เสียชีวิตและสูญหายไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ
สำนักงานอุตุนิยมวิทยา ภูมิอากาศ และธรณีฟิสิกส์อินโดนีเซีย (BMKG) ประกาศเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้หลีกเลี่ยงบริเวณพื้นที่รอบชายฝั่งของช่องแคบซุนดา และให้ห่างจากชายหาด พร้อมให้คงคำเตือนสึนามิไปจนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2561
พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากสุด อยู่ในเขตปันเดกลัง สุดขอบตะวันตกของเกาะชวา ซึ่งพบผู้เสียชีวิตจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตที่เมืองเซรัง กับเซาท์ ลัมปุง ตอนเหนือของเกาะสุมาตรา และสถานตากอากาศ ตันจุง เลซุง ฝั่งตะวันตกของเกาะชวา ซึ่งไม่มีการแจ้งเตือนสึนามิแต่อย่างใด
นายสุโตโป ปุรโว นูโกรโฮ โฆษกประจำสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย ทวีตข้อความขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาระบุคลื่นสูงที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเป็นสึนามิเพราะไม่มีเหตุแผ่นดินไหวทั้งระบุด้วยว่า อินโดนีเซียจำเป็นต้องมีระบบเซนเซอร์ใต้น้ำ เพื่อเตือนภัยพิบัติ
ด้านรัฐบาลมาเลเซีย และออสเตรเลีย ต่างแจ้งว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยศูนย์ข้อมูลคลื่นยักษ์สึนามิระหว่างประเทศ เผยว่า สึนามิที่เกิดขึ้นจากเหตุภูเขาไฟปะทุและดินถล่มใต้น้ำ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก โดยภูเขาไฟอนัก กรากะตัวมีแรงสั่นสะเทือนมากขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยปีนี้ยังเป็นปีที่อินโดนีเซียเผชิญภัยพิบัติที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากหลายครั้ง ทั้งแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่มเมืองปาลู บนเกาะสุลาเวสี เมื่อเดือนกันยายน เหตุแผ่นดินไหวบนเกาะลอมบอกเมื่อเดือนสิงหาคม และยังมีเหตุเครื่องบินไลอ้อน แอร์ ตกกลางทะเลชวาเมื่อเดือนตุลาคม
ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) เปิดเผยว่า เหตุภูเขาไฟระเบิดและสึนามิที่อินโดนีเซียไม่มีผลกระทบกับภาคใต้ของไทย เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากเกาะภูเก็ตไปประมาณ 1,700 กิโลเมตร ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกและติดตามข่าวจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
ทำเนียบขาว สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันความจำเป็นของโครงการก่อสร้างกำแพงชายแดนงบประมาณ 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยกระดับการควบคุมพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก แม้ว่าจะทำให้รัฐบาลปัจจุบันต้องเผชิญกับภาวะชัตดาวน์เป็นครั้งที่ 3 ภายในปีเดียว และทั้ง 3 ครั้งเกิดจากความขัดแย้งเกี่ยวกับผู้อพยพและโครงการสร้างกำแพง โดยครั้งแรกของปีนี้เกิดขึ้นช่วงปลายเดือนมกราคม ครั้งที่ 2 คือช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และครั้งที่ 3 เริ่มขึ้นในวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะยืดเยื้อไปจนถึงหลังเทศกาลคริสต์มาส
หน่วยงานภายใต้สังกัดรัฐบาลประมาณ 1 ใน 4 จำเป็นต้องหยุดการทำงาน โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐด้านความมั่นคง ศุลกากรและการสาธารณสุข ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามปกติ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะได้รับค่าตอบแทนย้อนหลังหรือไม่
เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอห์น ซี. สเตนนิส พร้อมกองเรือติดตามออกเดินทางจากบาห์เรนซึ่งเป็นสถานที่ตั้งฐานทัพกองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ เดินเรือเข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถือเป็นการเคลื่อนกองเรือครั้งใหญ่ของสหรัฐฯเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 และสหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน เมื่อเดือนพฤษภาคมทำให้สหรัฐฯกลับมาใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบต่ออิหร่าน ทำให้อิหร่านขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยการปิดเส้นทางเดินเรือผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ที่อยู่ระหว่างอิหร่านกับโอมาน
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อกั๊กสีเหลืองที่มีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์เป็นสัปดาห์ที่ 6 ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เรียกร้องให้สถานการณ์กลับสู่ความสงบโดยเร็ว เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีจำนวนลดน้อยลงไป พยายามสร้างความเสียหายแก่อาคาร สถานที่ต่าง ๆ รวมถึงทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสต้องมีความสามัคคี เป็นเอกภาพ เพื่อขจัดความแตกแยกต่างๆ
รัฐบาลปากีสถานออกแถลงการณ์ว่ากำลังทบทวนนโยบายเรื่องการออกวีซ่า โดยจะผ่อนคลายการตรวจลงตราให้กับ 55 ประเทศ ส่วนใหญ่คือประเทศในยุโรปเพื่อยกระดับความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย หลังจากโปรตุเกสประกาศว่าปากีสถานเป็นประเทศที่ปลอดภัย ส่วนฝรั่งเศสลดระดับการเตือนภัยพลเมืองในการเยือนปากีสถาน และสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ของสหราชอาณาจักร ที่ระงับเส้นทางการบินตั้งแต่ปี 2551 ก็จะกลับมาบินตรงสู่ปากีสถานในเดือนมิถุนายนปีหน้า
...