หลังเดินทางกลับจากการเยือนประเทศเมียนมาร์อย่างเป็นทางการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยากขอให้หยุดในการวิจารณ์เรื่องนี้ และขอให้ทางเจ้าหน้าที่ทำงานไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยจะต้องพยายามสร้างความเชื่อแก่ต่างประเทศ โดยเฉพาะ อังกฤษ ซึ่งหลังจากที่ได้พูดคุยกับพล.อ.เต็งเส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ ไม่ได้มีการสอบถาม เพราะทางการพม่าก็ได้ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่แล้ว
ด้านการพูดคุยกับประธานาธิบดีพม่า ได้หารือ ปัญหาแรงงานต่างด้าว ,การปราบปรามเขตยาเสพติดตามแนวชายแดน และจะไม่ให้ปัญหาเส้นเขตแดนระหว่างทั้ง 2ประเทศมาเป็นปัญหาแล้วอุปสรรคระหว่างกัน ส่วนด่านสิงขร จ. ประจวบคีรีขันธ์ จะเปิดด่านทำการค้าชายแดน ระหว่างกัน และอย่าพึ่งไปอ้างว่าเป็นพื้นที่ของใคร เพื่อจะได้ไม่เกิดข้อขัดแย้งระหว่างทั้ง2ประเทศ
ส่วนด่านแม่สอด- เมียววดี ทางการไทยก็จะให้การช่วยเหลือในการซ่อมสะพานแห่งที่ 1 ส่วนสะพานแห่งที่ 2 ซึ่งจะมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย เช่นการกวดขันตามแนวชายแดนในช่องทางปกติ รวมไปถึงชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า เพื่อดำเนินการให้มีความสงบและสันติภาพระหว่างทั้ง2ประเทศ และสนันสนุนการเป็นประชาธิปไตยของประเทศพม่า
สำหรับ ความคืบหน้า โครงการท่าเรือน้ำลึกทวายนั้น ทางการไทย พร้อมสนับสนุนในฐานะความสัมพันธ์เพื่อนบ้าน โดยถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน ขณะนี้ ได้มีการลงทุนร่วมกันอยู่แล้ว ในเฟส 1 ในเรื่องการช่วยเรื่องเส้นทาง ส่วนในเฟส 2 ที่เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ นั้นรัฐบาลไทยขอยืนยันว่าจะดำเนินการด้วยความโปร่งใส
ส่วนกระแสข่าวสั่งห้าม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเป็นประธาน ไหลเรือไฟ ที่จังหวัดหนองคายนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีการสั่งห้ามแต่อย่างใด เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้นก็เป็นประชาชน จะสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ในประเทศ แต่หากจะเดินทางไปต่างประเทศ ก็แค่ให้ขออนุญาต คสช. ก่อนเท่านั้น
วิรวินทร์-ภาพ /ข่าว