คนร้ายวิ่งราวเพชร สารภาพขายเพชรของกลาง นำเงินไปเล่นพนัน ตร.นำตัวไปฝากขัง

15 ธันวาคม 2561, 12:05น.


หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับนายภิพัศสพงษ์พัศฐ์  สุขสวัสดิ์พิพัฒน์ อายุ 59 ปี คนร้ายวิ่งราวเพชรมูลค่า 10 กะรัต ของนายวีกี้ ไวบัส อายุ 44 ปี นายหน้าค้าเพชรชาวอินเดีย ได้ที่จ.จันทบุรี และนำตัวกลับมาสอบปากคำและทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ย่านบางรัก โดย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำตัวคนร้ายมาทำแผนพร้อมชี้จุดเกิดเหตุ





พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การว่าได้นำเพชรไปขายต่อให้คนรู้จักคนหนึ่งที่บ่อนคาสิโน ประเทศกัมพูชาแล้ว ขายไปในราคา 550,000 บาท และแบ่งเงินที่ขายได้ 100,000 บาท ไปให้คนขับรถจักรยานยนต์ที่พาหลบหนี ส่วนเงินที่เหลือนำไปใช้หมดแล้ว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติคนร้ายพบว่าเคยมีประวัติต้องโทษ 7-8 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีลักทรัพย์ และที่ผ่านมาได้เปลี่ยนชื่อ นามสกุล และที่อยู่มาแล้วหลายครั้ง เพื่อให้ยากต่อการสืบหาจับกุมของเจ้าหน้าที่ โดยชื่อแรกที่ใช้ก่อเหตุคือ นายมาโนช โพธิ์ศรี ทั้งนี้ยังพบว่าคดีล่าสุดที่ถูกจับกุมในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง คนร้ายได้หลบหนีการประกันตัวออกมา ก่อนมาก่อเหตุลักเพชรครั้งนี้



พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า คนร้ายมีการเตรียมการมาอย่างดี โดยนำเงิน 40,000 บาทที่เหลือเป็นเงินสุดท้ายมาลงทุนเช่าอาคารที่เกิดเหตุ 10,000 บาท เพื่อทำทีให้นายวีกี้  ไวบัส อายุ 44 ปี ผู้เสียหาย คิดว่าเปิดร้านขายเพชรจริง และนำเงินอีก 20,000 บาท มาทำประตูล็อคกลอน เพื่อเตรียมการขังนายวีกี้ ในช่วงเกิดเหตุ ตัวเองจะได้หนีออกมาทัน ส่วนอีก 10,000 บาท เตรียมไว้ในการหลบหนี โดยได้ประสานผ่านนายหน้าผู้หญิงคนหนึ่งให้มาติดต่อกับนายวีกี้ ก่อนเกิดเหตุแค่ 10 วัน สำหรับเพชรที่ขายไป เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างพยายามติดต่อ แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้คืนหรือไม่





กรณีที่คนร้าย เคยก่อเหตุมาแล้วหนีประกันตัวจะทำให้โทษแรงขึ้นหรือไม่ อยู่ที่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ แต่ขณะนี้ได้แจ้งข้อหาไปแล้ว 1 ข้อหา คือ วิ่งราวโดยใช้ยานพาหนะหลบหนี และนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้แล้ว ส่วนผู้ร่วมขบวนการ ยืนยันว่า ขณะนี้มีอีกแค่ 1 คน คือผู้ที่ขับจักรยานยนต์พาหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามอยู่ ไม่มั่นใจว่าหลบหนีไปที่ไหน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะประเมินราคาเพชรที่แท้จริง ส่วนผู้ที่ซื้อเพชรไปจะรู้เห็นด้วยหรือไม่ ก็ขอให้รอผลตรวจสอบก่อน ทั้งนี้ ขอแจ้งไปยังประชาชนว่าใครสงสัยว่าเคยถูกคนร้ายรายนี้ลักทรัพย์ให้มาติดต่อที่ได้ที่สถานีตำรวจนครบาลบางรัก



ด้านนายวีกี้ ไม่เชื่อว่าเพชรจะขายได้แค่ 550,000 บาท ยืนยันว่า เพชรมีค่า 10 กะรัตจริง และตัวเองเป็นผู้ซื้อมา แต่ไม่ขอเปิดเผยราคา ขณะนี้ตัวเองอยากได้เพชรคืนมากกว่า และยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคนร้าย





ส่วนนายภิพัศสพงษ์พัศฐ์ ก็ยอมรับว่า ก่อเหตุจริง เพราะติดการพนัน ยืนยันว่าขายเพชร 10 กะรัต ไปแค่ 550,000 บาทเท่านั้น สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นจากการที่คนร้ายที่เป็นผู้ที่นายวีกี้ จ้างมาเจียระไนเพชรเม็ดดังกล่าวได้ออกอุบายขอนำเพชรไปส่องกับแดดหน้าร้านที่ผู้ร้ายเช่าไว้ เพื่อทำการเจียระไน ก่อนฉวยโอกาสล็อคประตูร้านและคว้าเพชรวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของเพื่อนที่เร่งเครื่องรอไว้แล้ว ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว



ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X