องคมนตรี เปิดงานนิทรรศการ 36 ปี ศูนย์ฯ ห้วยฮ่องไคร้ฯ จังหวัดเชียงใหม่

13 ธันวาคม 2561, 09:12น.


วันพุธที่ 12 ธันวาคม 2561 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ “นิทรรศการ 36 ปี ศูนย์ฯ ห้วยฮ่องไคร้” ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ และติดตามการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปายตามพระราชดำริ จังหวัดแม่ฮ่องสอน



เวลา 10.0 น. องคมนตรี พร้อมคณะฯ เดินทางไปยังศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ 36 ปี ศูนย์ฯ ห้วยฮ่องไคร้" โดยร่วมพิธีปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ ได้แก่ ไก่ฟ้าหลังขาว จำนวน 9 ตัว ไก่ป่าตุ้มหูแดง จำนวน 9 ตัว จากนั้นมอบใบประกาศนียบัตรแก่ผู้ชนะเลิศการประกวดตราสัญลักษณ์ของศูนย์ฯ ห้วยฮ่องไคร้ฯ การประกวดผลผลิตทางการเกษตรต่าง ๆ และมอบใบประกาศนียบัตรโรงเรียนต้นแบบศูนย์เรียนรู้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โอกาสนี้ ร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบอาคารหอเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จากนั้น ได้เยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน





สำนักงาน กปร. ร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ จัดงาน “นิทรรศการ 36 ปี ศูนย์ฯ ห้วยฮ่องไคร้ฯ” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-17 ธันวาคม 2561 เพื่อเผยแพร่แนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานพระราชดำริในการจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ และพระราชทานแนวทางการในการแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ทั้งดิน น้ำ ป่าไม้ และอาชีพที่เหมาะสมให้กับราษฎร ซึ่งตลอด 36 ปี ของการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ มีผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ชัดถึงแนวพระราชดำริที่ศูนย์ศึกษาฯ ได้นำมาปฏิบัติโดยด้านสภาพแหล่งน้ำของพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยฮ่องไคร้ ได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ป่าไม้ เช่น การปลูกเสริมป่า การควบคุมและป้องกันไฟป่า การก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) ซึ่งได้สร้างความชุ่มชื้นให้กับผืนป่า ส่งผลให้มีพันธุ์ไม้นานาชนิดเพิ่มขึ้น ดินมีความร่วนซุย สามารถอุ้มน้ำได้มากขึ้น





นอกจากนี้ ยังพบว่าร่องห้วยธรรมชาติที่เคยแห้งแล้งในช่วงฤดูแล้งมีน้ำไหลตลอด ด้านการพัฒนาป่าไม้ ปัจจุบันสามารถฟื้นฟูสภาพป่าเต็งรังที่เคยเสื่อมโทรมพัฒนาเป็นป่าเบญจพรรณ และยังพบชนิดของพันธุ์ไม้มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกล้วยไม้ท้องถิ่น ซึ่งจากการสำรวจและรวบรวมพันธุ์ได้ถึง 51 ชนิด จากเดิมที่เคยสำรวจไว้เมื่อปี 2544 มีเพียง 24 ชนิด สัตว์ป่าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะนกมีจำนวน 122 ชนิด นอกจากนี้ ยังพบว่ามีนกยูงไทยมีมากกว่า 100 ตัว สำหรับด้านการขยายผลจากการศึกษา ทดลอง วิจัย ได้พัฒนาอาชีพให้กับราษฎรหมู่บ้านรอบศูนย์ถึง 18 หมู่บ้าน เพื่อให้ราษฎรมีอาชีพสามารถพึ่งตนเองได้เป็นการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น พร้อมกับสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป 



 



CR:กองประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กปร.



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X