ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น. วันที่ 13 ธันวาคม 2561

13 ธันวาคม 2561, 07:21น.


+++การตรวจสอบเรื่องคนจนไม่จริง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จะนัดประเมินผลการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) รอบที่ 2 ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ โดยได้ให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปหาวิธีแก้ไขจุดอ่อนที่มีคนจนไม่จริงได้รับบัตรด้วย วิธีการแก้ไขอาจจะต้องให้ลงทะเบียนทั้งรายบุคคลและลงทะเบียนเป็นครอบครัว เพื่อให้การคัดกรองเที่ยงตรงมากขึ้น จะมีการเพิ่มเงื่อนไขในการลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ปีหน้า พบว่าบางคนครอบครัวมีฐานะดี แต่เมื่อลงทะเบียนรายบุคคลเป็นคนจนเพราะตัวเองไม่ได้ทำงาน ทรัพย์สินอยู่ในชื่อคนอื่น จากการเปิดอบรมอาชีพให้คนจนก็พบว่าคนมีบัตรขับรถมาอบรม แต่วิทยากรเดินมาทำงาน



+++เรื่องการพิจารณาเกณฑ์คุณสมบัติผู้ที่จะถือบัตรสวัสดิการ เห็นว่าควรให้ลงทะเบียนซ้ำทุกปี เพื่อประเมินผลว่าใครมีรายได้เกินเกณฑ์ที่กำหนดก็ควรต้องระงับสิทธิไป เพื่อให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้ สศค.ไปพิจารณาเกณฑ์ในการรับลงทะเบียนเพิ่มเติม เช่น เป็นผู้สูงอายุที่อยู่ในครอบครัวที่มีบุตรหลานดูแล ก็ควรจะได้รับสวัสดิการที่ไม่เหมือนกับผู้สูงอายุที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว



+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ และหนองคาย ระหว่างวันที่12-13 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับชาวบ้าน จ.หนองคาย ที่มารอต้อนรับช่วงหนึ่ง ระบุว่า รัฐบาลพร้อมดูแลผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และชี้แจงการเก็บภาษีจากผู้ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ได้มาจากสาเหตุรัฐบาลตูดขาด แต่เพราะผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ต้องเสียภาษีเพื่อนำเงินไปพัฒนาประเทศ



+++สำหรับประเด็นการแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ นายกฯ ยืนยัน ขณะนี้ รัฐบาลกำลังเร่งช่วยเกษตรกรพร้อมยอมรับการทำให้ราคายางพาราขึ้นไปที่ 100 บาทต่อกิโลกรัมเป็นเรื่องยาก เนื่องจาก ผลผลิตยางโลก ล้นตลาด



+++พล.อ.ประยุทธ์ แนะนำว่า เมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง ขอให้พิจารณาเลือกจากนโยบายพรรค พร้อมยืนยัน รัฐบาลไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพราะเป็นหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และขอความร่วมมือชาวบ้าน อย่าปล่อยให้คนไม่หวังดีเข้ามายุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเหมือนอดีต ขอทุกคนเลือกให้ถูกและช่วยทำบ้านเมืองให้สงบ ไม่มีความขัดแย้ง พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งข้อสังเกต ภายหลังปลดล็อกการเมือง เริ่มมีคนตั้งขบวนชุมนุมต่อต้านด่ารัฐบาล ขอชาวบ้านนำไปพิจารณาจะปล่อยให้คนกลุ่มนี้บริหารประเทศหรือไม่ และขอให้ทบทวนบทเรียนในอดีตอย่าปล่อยคนไม่ดีทั้งจากในและต่างประเทศ พูดจาให้ร้ายประเทศ โดยช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับเวลานี้เป็นนักการเมืองเต็มตัวและพร้อมยอมตายเพื่อทำความหวังประชาชนให้เป็นจริง



 



 



+++ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 50 เซ็นต์ ปิดที่ 51.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 60.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 7 ธันวาคม ลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 11 สัปดาห์ ขณะที่ นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ คาดหมายว่า สต๊อกน้ำมันดิบน่าจะลดลงมากกว่านี้ที่ 2.8 ล้านบาร์เรล



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรง ดาวโจนส์ ปิดบวกกว่า 200 จุด จากความคืบหน้าต่างๆนานาที่ช่วยเพิ่มความคาดหวังว่าสหรัฐฯและจีน จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 157.03 จุด  ปิดที่ 24,527.27 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.29 จุด ปิดที่ 2,651.07 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 66.48 จุด ปิดที่ 7,098.31 จุด

+++เจ้าหน้าที่จากทั้งจีนและสหรัฐฯมีความพยายามอย่างเป็นรูปธรรมในการโน้มน้าวให้นักลงทุนในตลาดเชื่อว่าการเจรจาการค้าระหว่างสองฝ่ายจะประสบผลสำเร็จเร็วๆนี้ ความเชื่อมั่นดังกล่าวยิ่งมีมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอาจเข้าแทรกแซงคดีนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและลูกสาวผู้ก่อตั้งหัวเว่ยถูกควบคุมตัวในแคนาดาตามคำร้องขอของอเมริกา หากว่ามันจะมีส่วนช่วยให้สหรัฐฯบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน ความคืบหน้าดังกล่าวช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนที่หันมาช้อนซื้ออีกครั้ง ขณะที่นักลงทุน จับตาเหตุจับกุมครั้งนี้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากทำให้จีนไม่พอใจ



+++ราคาทองคำ ขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน หลังข้อมูลพบตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯยังคงทรงตัว โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,250.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ของไทยปีนี้ลง



จากเดิมที่ร้อยละ 4.5 เหลือร้อยละ 4.3 และลดของปีหน้าจากร้อยละ 4.3 อยู่ที่ร้อยละ 4.1เนื่องจากแรงฉุดภาคส่งออกจากปัญหาการค้าโลก แม้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนในประเทศจะยังเติบโตดี ซึ่งสะท้อนผ่านจีดีพีไตรมาส 3 ที่ขยายตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.3 จากร้อยละ 4.6 ในไตรมาส 2 ขณะที่ ภาคท่องเที่ยวยังชะลอตัวลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากจีนและรัสเซียปรับตัวลดลง



+++เอดีบี ยังคงคาดการณ์การขยายตัวประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียที่ร้อยละ 6 สำหรับปีนี้ และร้อยละ 5.8 สำหรับปีหน้า เนื่องจาก คาดเอเชียจะต้านทานผลกระทบสงครามการค้าได้ และคาดการณ์ว่าการพักยก 90 วันสหรัฐฯกับจีนเพื่อหันหน้าเจรจากันจะช่วยให้ธุรกิจมีเวลาปรับตัว เอดีบี ยังคงคาดการณ์จีดีพีของจีนที่ร้อยละ 6.6 ในปีนี้ และร้อยละ 6.3 ในปีหน้าเช่นกัน 



CR:รัฐบาลไทย



 

ข่าวทั้งหมด

X