องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปก และพันธมิตรนอกกลุ่ม นำโดยรัสเซียเห็นพ้องร่วมกันในการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ โดยเพิกเฉยต่อแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ต้องการให้กลุ่มโอเปก เพิ่มการผลิตเพื่อช่วยบรรเทาราคาน้ำมันในตลาดโลก โอเปก จะลดกำลังการผลิตลง 800,000 บาร์เรลต่อวัน และมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 เป็นต้นไป ขณะที่ พันธมิตร จะลดกำลังการผลิตลง 400,000 บาร์เรลต่อวัน รวมปริมาณการลดการผลิตทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังการเห็นพ้องร่วมกันในการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เป็นมากกว่า 63 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
นายคาลิด อัล-ฟาลิห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า ซาอุดิอาระเบีย พร้อมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน หากเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันดิบขึ้น แต่ยืนยันว่าจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตในกรณีที่ผู้บริโภคยังสามารถจ่ายได้ และไม่หวั่นว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เนื่องจาก ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอยู่บนพื้นฐานค่านิยมร่วมกัน
ด้านนายอเลกซานเดอร์ โนวัก รัฐมนตรีพลังงานของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะค่อยๆ ลดกำลังการผลิตน้ำมันลง ซึ่งคาดว่า จะใช้เวลาหลายเดือน จนกว่าจะถึงเพดานการลดกำลังการผลิตที่ตั้งไว้ 228,000 บาร์เรลต่อวัน
ขณะที่อิหร่าน ลิเบีย และเวเนซุเอล่า ได้รับการยกเว้นจากกลุ่มโอเปก ในการลดกำลังการผลิตน้ำมัน เนื่องจาก สภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งนี้ โอเปกและพันธมิตรนอกกลุ่ม กำหนดหารือร่วมกันอีกครั้งเพื่อทบทวนปริมาณการส่งออกน้ำมันในเดือนเมษายน 2562
ทีมต่างประเทศ
CR:Reuters , www.euronews.com.