+++ปตท. และ บางจาก ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลง 50 สตางค์ต่อลิตร เว้น อี 85 ลดลง 25 สตางค์ต่อลิตร มีผลเวลา 05.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. 2561 นอกจากนี้ ในการประชุมโอเปก มีมติลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมัน ปรับลดลง มีผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน รวมถึงมีแรงขายหุ้นในกลุ่มแบงก์ ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ และปิโตรเคมี ขณะที่ ตลาดหุ้นในเอเชียก็ปรับตัวลงหนัก เช่น จีน ลดลงร้อยละ 1.68 ญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 1.9 เกาหลีใต้ลดลงร้อยละ 1.55 ฮ่องกงลดลงร้อยละ 2.47
+++ตลาดหุ้นไทยวันนี้ เคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน ถือว่าเป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก เพราะส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวและระยะสั้นแคบลง สะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีแนวโน้มชะลอตัว ส่งผลให้ปิดตลาดที่ 1,653.73 จุด ลดลง 18.59 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,682.06 ล้านบาท
+++นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ ตลาดภูมิภาค ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ตลาดในยุโรป ต่างติดลบกันทั่วหน้า จากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ –จีน ที่มีความไม่แน่นอน หวั่นกระทบการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้เริ่มหันมาถือเงินสดมากขึ้นและเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( Bond Yield ) ลดลงเรื่อย ๆ ทั้งที่ทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น
+++ส่วนเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง แต่คนก็ยังเลือกถือเงินสด เพราะบางส่วนมองหุ้นผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และ เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงในปีหน้า จากทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น หวั่นกระทบงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ร่วงลง 417.71 จุด ปิดที่ 21,501.62 จุดเนื่องจาก นักลงทุน วิตกกังวลว่า การจับกุมนางเมิ่ง เวินโจว หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน หรือ ซีเอฟโอ วัย 46 ปี ผู้บริหารของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน อาจส่งผลให้ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น
+++เช่นเดียวกับ ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 26,156.38 จุด ลดลง 663.30 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้จากประเด็นดังกล่าว
+++จีน แสดงความไม่พอใจไปยังแคนาดาและสหรัฐฯ ที่ผู้บริหารระดับสูงและบุตรสาวของผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีนถูกจับกุมที่แคนาดาตามคำร้องขอของสหรัฐฯที่ให้สอบสวนเหตุต้องสงสัยว่าหัวเว่ยละเมิดมาตรการคว่ำบาตรที่มีต่ออิหร่าน พร้อมกับเรียกร้องให้ปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระในทันที
+++กระทรวงยุติธรรมของแคนาดา เปิดเผยว่า นางเม่ง ถูกจับกุมเมืองแวนคูเวอร์ ของแคนาดา เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งสถานทูตจีนในแคนาดา ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน กระทรวงยุติธรรมแคนาดา กล่าวว่า จะมีการพิจารณาเรื่องการประกันตัวเธอในวันศุกร์ และไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ได้
+++การหารือของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) รัฐบาล และพรรคการเมืองที่สโมสรทหารบก ในวันพรุ่งนี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. เปิดเผยว่า มีพรรคการเมืองตอบรับเข้าร่วมประชุม 50-60 พรรค ซึ่งในส่วนของสำนักงาน กกต.ก็จะรายงานความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะระเบียบและประกาศที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ขณะนี้ทยอยพิจารณาเสร็จแล้ว และหากกฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ ก็จะทยอยประกาศระเบียบต่างๆออกมา
+++วันที่ 11 ธันวาคมนี้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จะมีผลบังคับใช้ อยากฝากเตือนผู้สมัคร พรรคการเมืองว่าอย่ากระทำการใดๆ ที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม หรือเป็นเงื่อนไขที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตได้ เพราะบทลงโทษของการเลือกตั้งค่อนข้างที่จะรุนแรง
+++วันที่ 19 ธันวาคม กกต.จะนัดพรรคการเมืองทุกพรรคมาหารือถึงแนวทางในการหาเสียง การจัดทำป้ายหาเสียง การใช้สื่อโซเชียลมีเดีย การดีเบต และค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส. โดยจะมีการรับฟังความเห็นของพรรคการเมืองด้วย
+++กรณีที่รัฐบาล ระบุว่า พรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุมในวันพรุ่งนี้ ถือว่าไม่ทำตามกติกา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า ไม่ต้องการตอบโต้ แต่ที่พรรคไม่เข้าร่วม เพราะตั้งข้อสงสัยว่าการประชุมไม่ค่อยยุติธรรม เนื่องจาก จะไม่มีการเปิดให้พรรคการเมือง หารือซักถามหรือแสดงความเห็น มีแต่ให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พูดอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งยังสงสัยว่าตกลงแล้วรัฐบาลเป็นผู้เล่นหรือเป็นกรรมการกันแน่ ซึ่งรัฐบาลก็ไม่เคยตอบ เชื่อว่า ประชาชนจะเข้าใจพรรคในเรื่องนี้ ตามเหตุผลที่พรรคชี้แจงไปแล้ว รวมทั้งพรรคเองก็ไม่ได้สร้างปัญหาใดให้บ้านเมืองด้วย
+++เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะเทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่า รัฐบาลอินเดีย ออกระเบียบให้โรงเรียนทั่วประเทศปฏิบัติตาม คือ ห้ามนักเรียนสะพายกระเป๋าเป้ ใส่หนังสือเรียนหนักเกินไป เนื่องจาก หวั่นเกรงว่าเด็กรุ่นใหม่ของอินเดียอาจจะมีปัญหาสุขภาพในอนาคต โดยเฉพาะ การปวดหลัง อาการหลังค่อมและกระดูกสันหลังคดงอผิดรูป พร้อมทั้งห้ามครูมอบหมายให้นักเรียนชั้นป.1 และป. 2 ทำการบ้านเพื่อไม่ให้นักเรียนกลุ่มนี้ต้องแบกกระเป๋าเรียนกลับไปทำการบ้านที่บ้าน
+++ระเบียบดังกล่าวอ้างอิงผลการศึกษาของสมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมของอินเดียเมื่อเร็วๆนี้ ที่ระบุว่าการแบกกระเป๋าหนังสือหนักๆจะมีผลต่อกระดูกสันหลังของนักเรียน ที่กระดูกสันหลังยังอ่อนและยังโตไม่เต็มที่ ภายใต้ระเบียบนี้น้ำหนักของกระเป๋าหนังสือจะขึ้นอยู่กับอายุของนักเรียน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงปีที่ 5 น้ำหนักของกระเป๋านักเรียนไม่ควรเกิน 3 กิโลกรัม ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ขึ้นไป น้ำหนักกระเป๋า ไม่ควรเกิน 5 กิโลกรัม
+++จากการสำรวจของสมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมของอินเดีย พบว่า ร้อยละ 68 ของเด็กเล็ก อาจประสบปัญหามีอาการปวดหลังเล็กน้อย แต่อาจจะมีอาการปวดหลังระยะยาวและส่งผลต่อกระดูกสันหลัง ผลการศึกษาครอบคลุมประชากรตัวอย่าง คือ นักเรียนกว่า 2,500 คนและผู้ปกครอง 1,000 คนในเมืองหลักๆของอินเดียทั่วประเทศ พบว่า กว่าร้อยละ 88 ของนักเรียนอายุระหว่าง 7-13 ปี ต้องแบกกระเป๋าหนังสือหนักกว่าร้อยละ 45 ของน้ำหนักตัวเอง
CR:CNN