ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันพฤหัสบดีที่6ธันวาคม 2561

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันพฤหัสบดีที่6ธันวาคม 2561

+++การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ทราบว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมแก้ไขประกาศการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของกรรมการหน่วยงานของรัฐ และกรรมการในสภามหาวิทยาลัย โดยอาจยกเลิกให้บางตำแหน่งไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน โดยแบ่งตำแหน่งออกเป็น 3-4 กลุ่ม คือ 1.ตำแหน่งที่ไม่ต้องไปยื่นอะไรทั้งสิ้นและไม่ควรให้ยื่น เพราะไม่ได้สุ่มเสี่ยงใดๆ 2.กลุ่มที่ควรจะต้องให้ยื่น แต่ไม่ต้องเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งส่วนใหญ่เท่าที่ทราบจะกลัวเรื่องการเผยแพร่ เพราะวันนี้ มีหลายตำแหน่งที่ยื่น แต่ไม่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ 3.กลุ่มที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ ดังนั้น ป.ป.ช.จะต้องไปจัดกลุ่มแบบนี้ รวมถึงองค์การมหาชนมี 40 แห่ง ซึ่ง พ.ร.บ.องค์การมหาชนบัญญัติไว้ว่าห้ามทำมาค้าขาย ดังนั้น ป.ป.ช.จะต้องไปดู

+++นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะการท่องเที่ยวซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจประเทศว่า ได้รับแจ้งจากหอการค้าภูเก็ตถึงสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ภูเก็ต ว่า ล่าสุดนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้าท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการใช้จ่ายเงินในจำนวนที่สูงขึ้นจากการใช้บริการที่พักโรงแรมต่าง ๆ และอนาคตผลจากการที่รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองให้มากขึ้นนั้น ส่งผลให้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้นแล้ว 

+++โดยคาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในลักษณะต่าง ๆ จะมีจำนวนรวมกันประมาณ 37-38 ล้านคน ส่วนปี 2562 จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นใกล้ๆ แตะ 40 ล้านคน  โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนนั้น จากที่ลดลงไปบ้างในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะนี้เริ่มกลับมาเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นแล้วและเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และมีการใช้จ่ายต่อคนมากถึง 50,000 บาท และคาดว่า ยอดรวมนักท่องเที่ยวจีนในไทยแต่ละปีจะอยู่ในระดับ 8-10 ล้านคน  มีแนวโน้มที่จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนตอนใต้รวมถึงนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นตอนใต้ จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย 

+++วันนี้ ต้องติดตาม หลัง นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ใช้กฎหมายสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ยึดคืนพื้นที่ฟลอร่าพาร์ค 103 และฟ้าประทาน 279 ไร่ บุกรุกพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

+++ด้านนายสุรชัย ยุทธชนะ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า นางลักขณา นะวิโรจน์ รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป ผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าวให้ตัวแทนโทรศัพท์แจ้งว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะเข้ายื่นหนังสือโต้แย้งสิทธิในการเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินทั้งสองแปลง ยืนยันว่า ส.ป.ก. ส่งหนังสือแจ้งให้ผู้ถือครองที่ดินทั้ง 2 แปลงยุติกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2561 แต่ผู้ถือครองที่ดินก็ยังคงเปิดให้บริการจำหน่ายบัตรกับนักท่องเที่ยวเพื่อเข้าชมสวนดอกไม้เมืองหนาวต่อไป โดยไม่สนใจหนังสือแจ้งเตือนของ ส.ป.ก. ซึ่งขณะนี้ได้รายงานเลขาธิการ ส.ป.ก.ทราบเพื่อนำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว

+++โดยได้ส่งผลสำรวจและประวัติการใช้ประโยชน์ที่ดินส.ป.ก.  ซึ่งตรวจสอบพิกัดและเอกสารสิทธิในพื้นที่ 2 แปลง โดยพื้นที่บริเวณฟลอร่าพาร์ค เนื้อที่ 103 ไร่ 62 ตารางวาพบว่า เป็นจัดสรรสิทธิส.ป.ก.4-01 ตั้งแต่ปี 2535 ให้กับนางสาวปนัดดา หงสกุลกว่า 24 ไร่ จัดสรรให้นายสุริยนต์ ตู้จินดากว่า 30 ไร่ และจัดสรรให้นายสวัสดิ์ สายราชกว่า 48 ไร่  ต่อมาบุคคลดังกล่าวยินยอมให้สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ที่มีนายอนันต์ ดาโลดม เป็นนายกสมาคมยื่นขอใช้ที่ดินปลูกดอกไม้และจัดงาน วังน้ำเขียว มหัศจรรย์ ดอกไม้ งานศิลป์ ดินแดนแห่งความสุข โดยขอใช้ที่ดินระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2553-ปี 2554 ซึ่งคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนคราชสีมา (คปจ.) มีมติให้ความเห็นชอบให้ใช้พื้นที่ดังกล่าว ในปีต่อมาบริษัทฟลอร่าพาร์ค จำกัด ใช้เป็นกิจการศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับพืชดอก พืชสวน และพืชทุกชนิด โดยขอเช่าเป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งนางสาวปนัดดานายสุริยนต์ได้ยื่นหนังสือสละสิทธิในที่ดินส.ป.ก. และที่ประชุมคปจ. มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2555 เห็นชอบให้มีศูนย์การเรียนรู้ฯแต่ให้บริษัทไปจัดทำแผน งบประมาณ ขั้นตอน รวมถึงวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ในแต่ละปีให้ชัดเจน แต่ไม่ปรากฏว่า คปจ. นครราชสีมาพิจารณาเรื่องดังกล่าวอีก ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพพื้นที่ปัจจุบันด้านหน้าเป็นลานจอดรถ และร้านกาแฟ ด้านหลังเป็นสวนดอกไม้

+++สำหรับพื้นที่บริเวณฟ้าประทาน เนื้อที่ส.ป.ก.ยังไม่ได้จัดสรรสิทธิ ส.ป.ก.4-01 แต่พบรวมแปลงเนื้อที่ติดต่อกัน ประมาณ 279 ไร่ 2 งาน 12 ไร่ โดยแปลงเลขที่ 2 กลุ่มที่ 235 เนื้อที่กว่า 142 ไร่ ไม่มีชื่อผู้ถือครอง แต่เดิมระบุชื่อนายชนะพงศ์ นะวิโรจน์ ทำประโยชน์ในปัจจุบันปลูกพุทรา มะม่วง ยางพารา และแปลงเลขที่ 3 กลุ่มที่ 2292 เนื้อที่กว่า 38 ไร่ ชื่อผู้ถือครอง นายจรูญ จั่วจันทึก การทำประโยชน์ปัจจุบัน ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ ไร่องุ่นและอ้อย ส่วนแปลงเลขที่ 3 กลุ่มที่ 236 เนื้อที่กว่า 42 ไร่ ยังไม่สำรวจรังวัด ไม่มีชื่อผู้ถือครอง และแปลงเลขที่ 4 กลุ่มที่ 236 เนื้อที่ 55 ไร่ เดิมระบุชื่อนายชนะพงศ์ นะวิโรจน์ และปัจจุบัน เป็นที่ดินแปลงเลขที่ 5 กลุ่ม/ระวางที่ 5337IV9494 เนื้อที่กว่า 40 ไร่ ที่ดินตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา มีชื่อนายมนินภัทร์ นะวิโรจน์ (ย้ายจากกลุ่ม336 แปลงเลขที่ 4 )ปัจจุบันทำไร่องุ่น และแปลงสุดท้าย เนื้อที่กว่า 15 ไร่ ยังไม่ได้สำรวจรังวัด-

+++ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม มอบนโยบายธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)

+++แถลงวันนี้  หลังการจับกุมนายอาณัติ อุดดี ได้ที่จังหวัดชลบุรี คนร้ายก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวหญิงสัญชาตินิวซีแลนด์ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า นายอาณัติ รับสารภาพว่า พยายามจะล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่สำเร็จความใคร่ และยังยอมรับว่า เห็นผู้เสียหาย มีอาการมึนเมา จึงเข้าไปบังคับเพื่อพาไปข่มขืนกระทำชำเรา แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ และต้องขอผลตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ดีเอ็นเอ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ทั้งนี้ไม่พบว่ามีสารเสพติดในร่างกายและไม่พบประวัติว่านายอาณัติเคยกระทำความผิดอาญามาก่อน พล.ต.โทสุรเชษฐ์ ฝากไปยังนักท่องเที่ยว หากดื่มสุรา และมีอาการมึนเมา ควรไปกันเป็นกลุ่มช่วยกันดูแลความปลอดภัย ยืนยันว่าตำรวจจะมีมาตรการในการดูแลอย่างเต็มที่

+++การเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีการลักลอบขายยาเสียสาว หรือ ยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศโดยผิดกฎหมายเป็นจำนวนมากนั้น พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผกก.4 บก.ปคบ. เปิดเผยว่า บก.ปคบ. ร่วมกับ บก.ปอท. ทำการสืบสวนหาแหล่งที่จำหน่ายยาเสียสาวผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก จนสามารถจับกุมตัว น.ส.กัญยามล พร้อมของกลางเป็น ยาไวอากา ยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศหลายยี่ห้อ และเม็ดเกล็ดใสที่อ้างว่าเป็นยาเสียสาว มูลค่ารวมกว่า 50,000 บาท โดยแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดฐาน ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ซึ่งมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ