หลังจากผู้นำ 2 ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกระหว่างผู้นำสหรัฐอเมริกาและผู้นำประเทศจีนตกลงที่จะชะลอมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน เพื่อให้ได้ข้อสรุปของแนวทางต่าง ๆ ให้มีความชัดเจนมากขึ้นนั้น น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ถือเป็นข่าวดีต่อประเทศต่าง ๆ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในการตอบโต้ของทั้ง 2 ประเทศ แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่เบาใจและหายใจได้ระดับหนึ่งว่าน่ามีทางออกในเรื่องนี้ได้
จากนี้ คงต้องติดตามหลังจากนี้ไปผลการเจรจาจะจบลงอย่างไร แต่เชื่อว่าช่วงนี้น่าจะส่งผลดีต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ทั้ง 2 ประเทศนำเข้าสินค้าไทยค่อนข้างมาก หากมีมาตรการผ่อนปรนและทั้ง 2 ประเทศจบลงด้วยดีก็น่าจะส่งผลให้การส่งออกของไทยไปตลาดสหรัฐและจีนเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่หากผลออกมายังต้องใช้มาตรการตอบโต้ก็จะเป็นปัญหาของสินค้าไทยในการทำตลาดทั้ง 2 อย่างแน่นอน ส่วนการส่งออกสินค้าขั้นกลางใน supply chain เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไปยังจีน ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลกระทบมากที่สุดจากสงครามการค้า น่าจะดีขึ้นช่วยประคองให้การส่งออกไทยไปได้เกินร้อยละ 8
ส่วนประเด็นที่ยังต้องจับตาการขึ้นภาษีของสินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนของสหรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการไต่สวน safeguard กับทุกประเทศ ว่าสหรัฐจะชะลอหรือจะขึ้น เพราะประเทศที่เข้าข่ายไม่ได้มีเพียงจีนเท่านั้น แต่รวมไทยด้วย หากสหรัฐมีท่าทีผ่อนปรนลงโดยรวม เพราะจีนประกาศจะนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้การส่งออกชิ้นส่วน เช่น ยางรถยนต์ของไทยไม่ได้รับกระทบ
แฟ้มภาพ