ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เรียกประชุมด้านความมั่นคงฉุกเฉิน เกี่ยวกับเหตุชุมนุมประท้วงภาษีคาร์บอน ที่มีผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น และมีความกังวลว่าจะทำให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย การชุมนุมที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ติดต่อกันมาเป็นสัปดาห์ที่ 3 บานปลายกลายเป็นเหตุจลาจล มีทั้งเหตุปล้น วางเพลิงและทำลายทรัพย์สินสาธารณะ โดยหลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้นลง ประธานาธิบดีเสนอเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ หลังจากนั้น ประธานาธิบดี มาครง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง และนายคริสตอฟ คาสตาเนอร์ รัฐมนตรีกิจการภายในเดินทางไปย่านฌองส์เซลีเซ ใจกลางกรุงปารีส ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่มีคนงานทำความสะอาดแล้ว
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมโดยทั่วไปดำเนินไปด้วยความสงบเว้นแต่ที่กรุงปารีส ที่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 133 คน โดยมีอยู่ 23 คนเป็นตำรวจ และผู้ชุมนุมถูกจับกุมตัว 412 คน โดย 378 คนยังถูกคุมขัง กับมีการวางเพลิงเกิดขึ้นเกือบ 190 จุด โดยมีอาคาร 6 หลังที่ถูกไฟไหม้ ห้างสรรพสินค้าและสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งต้องปิดทำการ
ทั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสขึ้นภาษีน้ำมัน เพื่อผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานหมุนเวียนแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่เป็นเชื้อเพลิงที่ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่เลือกใช้ นายกรัฐมนตรี เอดัวร์ ฟีลิป เปิดเผยว่า แม้จะมีการเจรจากับแกนนำผู้จัดการชุมนุมประท้วง และผู้นำพรรคการเมือง แต่รัฐบาลก็ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน เนื่องจากก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม เคยเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ประท้วงมาแล้วรอบหนึ่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
..