+++บริษัท ปตท. และ บมจ.บางจาก ประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์/ลิตร ส่วนกลุ่มเบนซิน ราคาคงเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 2561 เวลา 05.00 น.
+++ราคาน้ำมันในตลาดโลก ทรงตัวเมื่อค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว เนื่องจากข้อพิพาททางการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐฯและจีน คาดว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะมีความคืบหน้าแนวทางคลี่คลายความขัดแย้งในการประชุมจี20 ที่อาร์เจนตินา สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 7 เซนต์ ปิดที่ 51.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 27 เซนต์ ปิดที่ 60.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดที่ 1,640.63 จุด เพิ่มขึ้น 6.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,784.09 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทย มีแรงซื้อในหุ้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ปรับขึ้นเล็กน้อย
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากคำแถลงของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว คาดการณ์ว่า ผลการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐฯและจีนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ จะออกมาเป็นบวก ทำให้ ดัชนีนิกเกอิ ปิดพุ่งขึ้น 224.62 จุด หรือร้อยละ 1.02 ที่ 22,177.02 จุด
+++ส่วนดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดเพิ่มขึ้น 350.60 จุด หรือ ร้อยละ 1.33 ที่ 26,682.56 จุด ตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ที่ปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจาก นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่สามารถต้านทานความผันผวนทางเศรษฐกิจได้ เช่น หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภค
+++ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้พิจารณาแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้ง 350 เขตเสร็จสิ้นแล้ว หลังมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 16/2561ให้ กกต.รับเรื่องร้องเรียน ร้องคัดค้านจากประชาชน ผู้มีส่วนได้เสียเพิ่มเติม โดยให้พิจารณาให้แล้วเสร็จก่อน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธ.ค. ซึ่งกกต.ได้เปิดรับเรื่องร้องเรียนตั้งแต่วันที่ 19-25 พ.ย. มีเรื่องร้องเรียนเข้ามารวม 95 เรื่อง ใน 31 จังหวัด และที่ประชุม กกต.ได้เริ่มพิจารณาคำร้องเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ขณะนี้อยู่ระหว่างประธานกกต. ลงนาม และสำนักงาน กกต.ดำเนินการในเรื่องการนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา
+++ตามที่มีการคาดว่า หลังพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธ.ค.แล้ว กกต.จะเสนอให้รัฐบาลออกร่างพ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ขึ้นทูลเกล้าฯ และคาดว่า จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 26 ธ.ค. จากนั้นในวันที่ 28 ธ.ค.จะมีประกาศ กกต. กำหนดวันเลือกตั้ง และกำหนดวันสมัครรับเลือกตั้งคือวันที่ 14-18 ม.ค.2562
+++ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพร้อมส่งผู้สมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ว่า พรรคจะส่งครบทั้ง 350 เขต แม้ว่าจะมีอดีต ส.ส.ของพรรคลาออกไปสังกัดพรรคอื่น แต่ก็มีสมาชิกที่มีคุณสมบัติที่มีคุณภาพพร้อม ทำให้มั่นใจว่าจะได้ที่นั่งส.ส.แน่นอน โดยเฉพาะในพื้นที่จ.นนทบุรี ราชบุรีและนครปฐม สัปดาห์หน้าจะเริ่มแถลงนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคสำหรับการเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบ
+++กระแสข่าวมีอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ย้ายออกจากพรรคกว่า 70-80 คน นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะหากนับจากปี 2554 พรรคเพื่อไทยเสียอดีตส.ส.เขตไป 28 คน ซึ่งไม่รวมที่ย้ายไปพรรคไทยรักษาชาติ เช่น ภาคกลาง จังหวัดลพบุรี นครปฐม สมุทรสาคร เพชรบูรณ์ และภาคอีสาน จังหวัดนครพนม นครราชสีมา ทั้งนี้ จะส่งครบทั้ง 350 เขตหรือไม่ อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่จะส่งให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามการหาเสียงนั้น ขณะนี้ได้จัดทัพเตรียมพร้อม เพราะสมาชิกทุกคนถือเป็นส่วนสำคัญในการลงพื้นที่ มั่นใจว่าพรรคจะหา ส.ส. ลงสมัครในเขตที่มีผู้สมัครย้ายพรรคได้
+++นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เพื่อดำเนินการหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ จำนวน14 คน โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานคณะกรรมการฯ มีกรรมการ 13 คน เช่น นายอนุชา นาคาศัย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นายเอกภาพ พลซื่อ และนายธนากร วังบุญคงชนะ เป็นโฆษกคณะกรรมการเฉพาะกิจ
+++นายสมศักดิ์ กล่าวถึง การได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้ง ว่า การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นการตั้งไว้ล่วงหน้าให้ทำงานได้ทันที เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งปลดล็อคทางการเมือง ให้ทุกพรรคสามารถหาเสียงได้ จากนี้คงต้องประชุมหารือเพื่อเตรียมความพร้อมมากขึ้น
+++กรณีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ผู้ต้องหาเรือนจำกลางคลองเปรม ในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี ซึ่งต้องโทษจำคุก 42 ปี มีอาการป่วยจากโรคหมอนรองกระดูกสันหลังอักเสบบริเวณต้นคอ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำ ได้นำตัวนายบุญทรง ไปส่งให้อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลตำรวจแล้ว พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ 2 นาย ไปควบคุมเพื่อป้องกันการหลบหนี ทั้งนี้เป็นการส่งตัวไปเนื่องจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ได้มีหนังสือขอตัวมา เพื่อนำไปรักษาตามหลักมนุษยธรรม ขณะที่ กรมราชทัณฑ์ ก็มีหน้าที่ต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปควบคุมตัวผู้ต้องขังไว้เพื่อไม่ให้หลบหนี เบื้องต้น แพทย์นำตัวนายบุญทรง ไปที่โรงพยาบาลเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำการผ่าตัด เชื่อว่า ถึงที่สุดแล้วก็คงจะต้องผ่าตัด แต่คงต้องรอความพร้อมรอเตียงและแพทย์เจ้าของไข้
+++กรณีกองบังคับการปราบปราม นำกำลังเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงนาซ่าผับ ถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์) แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.พบวัยรุ่นทั้งชายและหญิงมีปัสสาวะสีม่วง รวมกว่า 100 รายรวมทั้งมีไอซ์ ยาเค และยาอี ตกเกลื่อนกระจายเต็มพื้น พ.ต.อ.อภิวัชร์ ไชยศรีสุทธิ์ ผกก.สน.โคกคราม กล่าวว่า ขณะนี้ส่งปัสสาวะไปตรวจที่โรงพยาบาลตำรวจ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ จึงจะทราบผล ส่วนกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดได้ปล่อยชั่วคราว เนื่องจากต้องรอผลตรวจปัสสาวะออกมาก่อน หากพบว่ามีความผิดก็จะเรียกบุคคลที่กระทำผิด มารับทราบข้อกล่าวหาภายหลัง
+++พ.ต.อ.อภิวัชร์ สั่งการให้ปิดสถานบันเทิงแห่งนี้ชั่วคราว และจะมีการตรวจสอบว่า สถานบันเทิงดังกล่าวมีการขออนุญาตให้เปิดบริการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ภายในสัปดาห์นี้ จะเรียกเจ้าของสถานบริการมาสอบปากคำ
+++ความคืบหน้า เหตุ พ่อและแม่ของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองศรีสะเกษว่า ถูก นายสุรสิทธิ์ คนพิการแขนขาอ่อนแรงลุกยืน เดินไม่ได้ และเป็นร่างทรงที่อ้างตัวเป็นพ่อปู่ฤๅษีตาไฟ ข่มขืนกระทำชำเราภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง บนถนนสายศรีสะเกษ-ขุขันธ์ ท้องที่อำเภอเมืองศรีสะเกษ เหตุเกิดระหว่างวันที่ 26-27 ส.ค.2561
+++ล่าสุด ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ได้อ่านคำพิพากษาคดีนี้ ระบุว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องจริง จึงตัดสินจำคุกจำเลยเป็นเวลา 5 ปี ปรับ 60,000 บาท โดยการไต่สวนในชั้นศาล จำเลยให้การรับสารภาพ และจำเลยยอมจ่ายสินไหมเยียวยาผู้เสียหายเป็นเงิน 150,000 บาท จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 30,000 บาท โทษจำรอลงอาญา 3 ปี และให้มารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง และมีบางข้อหาที่สามารถยอมความได้ ซึ่งผู้เสียหายได้ถอนคำร้องแล้ว
+++รอยเตอร์ รายงานอ้างคณะกรรมการความปลอดภัยด้านคมนาคม(KNKT)ของอินโดนีเซียว่า เครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 8 ของสายการบินไลอ้อนแอร์ของอินโดนีเซีย เที่ยวบิน JT610 ที่ตกในทะเลชวา เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม คนบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด 189 ศพ ขณะบินจากสนามบินกรุงจาการ์ตา มุ่งหน้ายังเมืองปังกัลป์ปีนัง ไม่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำการบิน โดยเฉพาะ 2 เที่ยวสุดท้ายก่อนประสบอุบัติเหตุ
+++KNKT มีความเห็นว่าสายการบินไลอ้อนแอร์ ควรจะซ่อมบำรุงเครื่องบินดังกล่าวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนใช้ทำการบิน ระบุว่า จากการสอบถามนักบินที่ทำการบินด้วยเครื่องบินลำเดียวกันจากเมืองเดนปาซาร์ เกาะบาหลี มุ่งหน้าไปยังกรุงจาการ์ตา 1 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมีปัญหาการควบคุมเครื่องบินในลักษณะเดียวกับเที่ยวบินที่ประสบอุบัติเหตุ
+++รายงานไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตก แต่มีรายละเอียดใหม่ๆจากกล่องบันทึกข้อมูลการบินหรือกล่องดำว่า ในวันเกิดเหตุ นักบินพยายามจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อประคองเครื่องบินให้ทรงตัวอยู่กลางอากาศ และแจ้งเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศในกรุงจาการ์ตาให้ทราบว่ามีปัญหาในการควบคุมเครื่องบิน รวมถึงคำพูดสุดท้ายของกัปตันที่แจ้งเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศว่าจะขอลดเพดานการบินลงมาที่ระดับ 5,000 ฟุต เพื่อขอลงจอดฉุกเฉิน แต่ปรากฏว่าเครื่องบินขาดการติดต่อกับหอควบคุมการจราจรทางอากาศ 13 นาทีและตกในทะเลชวา
แฟ้มภาพ