การจับกุมต่างชาติเข้ามากระทำความผิดในประเทศไทย พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมกวาดล้างชาวต่างชาติ ที่มีพฤติกรรมแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว เข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมที่กระทบกับความมั่นคง ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยว
คดีแรก จับกุมแก๊งชาวฟิลิปปินส์ ล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ได้เงินสดและทรัพย์สิน เป็นเงินประมาณ 100,000 บาท กลุ่มคนร้าย จะมองหาเหยื่อชาวต่างชาติ เนื่องจาก ไม่สามารถสื่อสารได้ง่าย บริเวณรถไฟฟ้า BTS และอาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายอยู่ในขบวนรถไฟฟ้าที่มีผู้โดยสารจำนวนมากเข้าไปยืนล้อมและเบียดในระยะประชั้นชิด เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายรู้ตัวและช่วยกันบังไม่ให้ผู้โดยสารคนอื่นมองเห็นแล้วลวงเอาทรัพย์สินไป หลังก่อเหตุจะนำทรัพย์สินที่ได้มาไปซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ภายหลังผู้เสียหายรู้ตัวจึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับคนร้าย 6 ราย สามารถจับกลุ่มได้ 3 ราย อีก 1 ราย หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร และอีก 2 ราย เป็นหมายจับตามภาพจากกล้องวงจรปิด จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนร้ายได้เดินทางเข้าออกราชอาณาจักรมาแล้วหลายครั้ง คนร้ายบางราย หลบหนีไปต่างประเทศแล้วเปลี่ยนชื่อนามสกุลและเลขพาสปอร์ต ก่อนจะเดินทางเข้ามาก่อเหตุอีกครั้ง ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ หากมีการนำระบบไบโอเมตริกซ์มาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันมากขึ้น
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตรวจค้นแหล่งผลิตสื่อลามกอนาจารเด็ก บนอินเตอร์เน็ต 16 จุดทั่วประเทศ โดยมีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์ จากการเข้าตรวจค้นพบหลักฐาน 9 จุด สามารถตรวจยึดวัตถุพยานทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ 18 ชิ้น มีการจับกุมผู้ที่กระทำความผิด รวม 6 ราย พบไฟล์ภาพ มากกว่า 1,000 ไฟล์
คดีที่ 3 หลังทางการไทย ได้รับการประสานงานจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร โดยหน่วยงานOfficers from the North West Regional Organized Crime Unit (NWROCU) ว่าต้องการตัว Mr. Joseph Michael Mulhare และ Mr. Gregory Michael Mulhare สัญชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นสมาชิกในขบวนการค้ายาเสพติดที่ยังไม่ถูกจับ มีส่วนพัวพันกับขบวนการค้าโคเคน ยาบ้า ยาอี และกัญชา ได้หลบหนีเข้ามายังประเทศไทยและกบดานอยู่ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ต่อมาทั้งสอง รู้ตัวว่าถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจึงได้ว่าจ้างนางสาวจิรวรรณ ล่วงลือ 2,000บาท พาหลบหนีมายังถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร และนั่งแท็กซี่ต่อไปยังบริเวณแยกอโศก เพื่อเข้าพักย่านนั้น1คืน ก่อนจะกลับมาที่จังหวัดชลบุรีและถูกจับกุมตัวได้ และดำเนินการส่งตัว เพิกถอนวีซ่า ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี
คดีที่ 4 ตำรวจยังได้จับกุม Mr. Kuliushin Vitalii ชาวรัสเซีย อดีตกงสุลกิตติมศักดิ์เมืองวราวดีวอสตอค สหพันธรัฐรัสเซีย ที่ถูกถอดถอนตำแหน่งเมื่อปี 2549 ต่อมาได้ลักลอบเปิดโฆษณาในเว็บไซด์โดยแอบอ้างว่าตนเองยังมีอำนาจอยู่และลักลอบออกตราประทับวีซ่าและเอาดวงตราสถานกงสุลประทับรับรองเอกสารเรียกเก็บค่าธรรมเนียมชุดละราคาประมาณ 2,700 บาท กรมการกงสุล พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 125, 343 และ 265 ประกอบ 266 และเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์จึงได้สืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้กระทำความผิดมาแล้วมากกว่า 100 ครั้งอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ
แฟ้มภาพ