ปัญหาพิพาทการค้าจีน-สหรัฐฯเปรียบเสมือนปัญหาครอบครัวของกลุ่มเอเปค

น.ส.กฤษมา วัสวานี นักข่าวสายธุรกิจเอเชียของบีบีซีรายงานว่า โดยปกติ การประชุมสุดยอดประจำปีของผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก(เอเปค)ที่ประกอบด้วย 21 เขตเศรษฐกิจ(19 ประเทศ 2 เขตเศรษฐกิจ) จะจบลงพร้อมแถลงการณ์ร่วมและการถ่ายรูปหมู่ โดยปกติเจ้าภาพจะกำหนดรายละเอียดทุกอย่างไว้เสร็จสรรพและจะไม่มีอะไรต่างไปจากแผนที่วางไว้

แต่สำหรับการประชุมสุดยอดของผู้นำกลุ่มเอเปคในกรุงพอร์ตมอร์สบี ปาปัวนิวกินี ระหว่าง 16-18 พ.ย.ปีนี้ สิ่งที่ยังเหมือนกับการประชุมเอเปคครั้งก่อนๆคือการถ่ายรูปหมู่ แต่สิ่งที่ต่างจากจากเดิมคือ ปัญหาพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศจีนในขณะนี้ ซึ่งหลายคนเปรียบเทียบว่าเสมือนกับปัญหาความขัดแย้งของคนในครอบครัวเอเปค เป็นเหตุให้ไม่มีการออกแถลงการณ์ร่วมเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี มีเพียงแถลงการณ์จากประธานการประชุมเท่านั้น

นักข่าวของบีบีซี มองว่าสหรัฐฯและประเทศจีนมีทัศนะที่ต่างกันในเรื่องคำจำกัดความของคำว่า การค้าเสรีและเป็นธรรมคืออะไร และเรื่องมาตรการควบคุมและการแยกประเภทธุรกิจของรัฐวิสาหกิจที่เข้าไปลงทุนในประเทศอื่น กล่าวคือ สหรัฐฯมองรัฐวิสาหกิจของจีนว่าเป็นองค์กรส่วนหนึ่งของภาครัฐ และมองว่ารัฐบาลจีนปกป้องบริษัทจีนมากเป็นพิเศษ ซึ่งไม่เป็นธรรมกับบริษัทสหรัฐฯที่ทำธุรกิจในประเทศจีน

นอกจากนี้ สหรัฐฯยังมองเรื่องโครงการพัฒนาเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมของจีนที่จะเชื่อมต่อระหว่างเอเชียกับยุโรปว่าเป็นเสมือนกับดักให้ประเทศอื่นๆที่ฐานะยากจนให้เข้าไปติดกับดักตกเป็นหนี้สินกับประเทศอยู่ร่ำไป แต่ประเทศจีนปฏิเสธข้อกล่าวหานั้น นักข่าวสายธุรกิจเอเชียของบีบีซี ตั้งข้อสังเกตว่าปัญหาพิพาทการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงเมื่อไร คาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯและประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนซึ่งจะเจอกันในการประชุมกลุ่มจี-20 ในอาร์เจนตินา ปลายเดือนนี้ จะต้องทำความตกลงให้สำเร็จ เพื่อป้องกันสงครามการค้าสหรัฐฯ-ประเทศจีน ไม่เช่นนั้นแล้วปัญหานี้ย่อมจะกระทบไปทั่วโลก