พิธีลงนามสัญญาซื้อขายอาหารกล่องและเครื่องดื่ม เพื่อให้บริการผู้โดยสารบนรถโดยสารปรับอากาศ ชั้น 1 ระหว่าง บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพร้อมกล่าวว่า การลงนามสัญญาซื้อขายอาหารกล่องและเครื่องดื่ม เพื่อให้บริการผู้โดยสารบนรถโดยสารปรับอากาศ ชั้น 1 ถือเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ใช้บริการ ได้รับบริการด้านอาหารที่มีคุณภาพดี สอคล้องกับนโยบาย One Transport One Family ของกระทรวงคมนาคมในการบูรณาการการทำงานร่วมกันภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ในลักษณะครอบครัวเดียวกัน โดยใน 1 ปีบริษัทการบินไทย จะส่งอาหารกล่องและเครื่องดื่มให้กับบริษัทขนส่ง จำกัด จำนวน 13 ล้านกล่อง เป็นระยะเวลา 3 ปี นอกจากนี้บริษัทการบินไทย ยังมีแผนจะเพิ่มเมนูใหม่ที่ยังไม่เคยให้บริการบนเครื่องบิน เพื่อมอบให้กับผู้โดยสารที่ใช้บริการรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 ยืนยันการให้บริการครั้งนี้ ไม่คิดค่าโดยสารเพิ่มอย่างแน่นอน
นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุลกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทขนส่ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนปรับปรุงคุณภาพการให้บริการในปีงบประมาณ 2562 เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการอาหารกล่อง และเครื่องดื่มบนรถโดยสารทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับให้ผู้ใช้บริการพึงพอใจ จึงดำเนินการประกวดราคาจัดซื้ออาหารกล่องและเครื่องดื่มบริการผู้โดยสารบนรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 ซึ่งมีผู้เสนอราคา 7 ราย โดยบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ชนะการประกวดราคา เสนอราคาอาหารกล่องบนรถโดยสาร VIP จำนวน 766,270 ชุด และอาหารกล่องบริการบนรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 จำนวน 13,587,870 ชุด รวมมูลค่า 333,826,590 บาท มีกำหนดระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2561-30 พฤศจิกายน 2564
ด้านนายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่หน่วยธุรกิจบริการการบินไทย บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทจะผลิตอาหารกล่องบรรจุขนมไทยและขนมเบเกอรี่หรือขนมทั่วไป พร้อมเครื่องดื่มเพื่อจัดให้แก่ บริษัทขนส่งจำกัด นอกจากนี้ฝ่ายครัวการบินไทยจะผลิตอาหารกล่องบรรจุขนมเมนูพิเศษสอดคล้องกับเทศกาลสำคัญ รวมทั้งเส้นทางเดินรถในแต่ละภูมิภาค โดยคัดสรรคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานของฝ่ายครัวการบินที่ดำเนินการผลิตอาหารให้บริการแก่ผู้โดยสารบนเครื่องบิน การบินไทยและสายการบินลูกค้ามากกว่า 60 สายการบิน การลงนามในสัญญาร่วมกันครั้งนี้ นับเป็นการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เพิ่มของหน่วยธุรกิจบริษัท รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง 2 บริษัท ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม