+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา Thailand 2019 ว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้า เป็นปีที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เพราะมีทั้งโอกาสและมีความเสี่ยง โดยโอกาสมาจากญี่ปุ่นและจีน จับมือกันเพื่อร่วมลงทุนในประเทศที่ 3 และทั้งสองประเทศ ตกลงร่วมมือกันมาลงทุนในอาเซียนโดยเฉพาะในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ไทยจะต้องสร้างโอกาสในการลงทุน โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) จะออกมาตรการใหม่ให้สิทธิพิเศษมากกว่าปกติสำหรับนักลงทุนเสนอให้บอร์ดพิจารณา19 พ.ย.
+++ขณะที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยปีหน้ามาจากปัจจัยภายนอก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี ซึ่งคงดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 28 โดย 3 เสียงเห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 1.50 เป็นร้อยละ 1.75 ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าความต่อเนื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีความชัดเจนเพียงพอ และภาวะการเงินที่ผ่อนคลายมาเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจ ประเมินความเสี่ยงของภาวะการเงินต่ำกว่าที่ควร จึงเห็นควรปรับขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และเพื่อเพิ่มความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต
+++ในการประชุมกนง.ครั้งที่ 8 วันที่ 19 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายรอบปี จะมีการทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจทั้งปี 2561 และปี 2562 โดยจะมีปัจจัยเข้มข้นขึ้น จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการค้าโลก จากมาตรการกีดกัดทางการค้าสหรัฐฯและจีน ที่อาจส่งผลกระทบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากตัวเลขการส่งออกไทยในเดือน ก.ย.ลดลง
+++กนง.สั่งติดตามพฤติกรรมการก่อหนี้ครัวเรือน และความสามารถชำระหนี้ของภาคธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยเชิงโครงสร้างและรูปแบบการทำธุรกิจ
+++นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติงบประมาณชดเชยการขาดรายได้ชาวสวนยางพาราที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) 1.4 ล้านครัวเรือน จากเดิมจ่ายไร่ละ 1,500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ ทั้งเจ้าของสวนและผู้รับจ้างกรีดยาง ชาวสวนยางแบ่งสัดส่วนร้อยละ 60 : 40 ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาว่า จะเพิ่มมากกว่าไร่ละ 1,500 บาท หรือยังคงอยู่ที่ไร่ละ 1,500 บาท แต่จะเพิ่มจำนวนไร่ต่อครัวเรือน
+++นอกจากนี้ ยังจะทำระบบรักษาเสถียรภาพราคายางพารา โดยราคาที่เกษตรกร ควรขายได้ขณะนี้ สำหรับราคาน้ำยางสดกิโลกรัมละ 37 บาท ยางก้อนถ้วยกิโลกรัมละ 37 บาท ยางแผ่นรมควันกิโลกรัมละ 40 บาท โดยกำหนดงบไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะใช้ งบ กยท.หากไม่พอจะเสนอของบกลางจากรัฐบาล หากภาคเอกชนรับซื้อต่ำกว่าราคาดังกล่าวรัฐจะชดเชยให้กิโลกรัมละ 2 บาท ระบบรักษาเสถียรภาพราคายางพาราจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์ราคายางพาราจะดีขึ้นในระดับที่เกษตรกรคุ้มทุน
+++ไทย ผลิตยางพาราได้ 4.6 ล้านตัน/ปี ส่งออก 4 ล้านตัน ใช้ในประเทศ 6 แสนตัน แต่ใช้ไม่หมดจึงล้นตลาด จากนี้ไปไม่สามารถจะพึ่งการส่งออกได้ เนื่องจากมีหลายประเทศปลูกยางพารา เพื่อส่งผลผลิตยางส่งออกเช่นกัน เห็นว่าการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศเป็นแนวทางที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะการสร้างแรงจูงใจด้วยมาตรการลดภาษี รวมถึงกำหนดมาตรการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ส่วนระยะยาว ที่จะทำให้ราคายางมีเสถียรภาพจะต้องลดพื้นที่ปลูกยางทั่วประเทศจาก 14 ล้านไร่ในปัจจุบัน โดยจะต้องลดพื้นที่ลงเหลือเพียง 10 ล้านไร่
+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ ปิดที่ 56.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ ปิดที่ 66.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังทำสถิติขยับลง 12 วันติดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ตลาดน้ำมันฟื้นตัวเล็กน้อย เมื่อรอยเตอร์รายงานว่าโอเปกและพันธมิตรผู้ส่งออกน้ำมันกำลังหารือกันเกี่ยวกับข้อเสนอปรับลดกำลังผลิตสูงสุด 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่าที่เจ้าหน้าที่เคยคาดไว้
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบเล็กน้อย แอปเปิล อิงค์ เป็นตัวนำการปรับลดลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี บริษัทผู้ผลิตไอโฟน ปิดลบเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ด้วยนักลงทุนกังวลว่าแอปเปิลจะประสบปัญหายอดขาย iPhone ตกต่ำในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า ความเคลื่อนไหวของแอปเปิล ฉุดให้หุ้นภาคเทคโนโลยี ลดลงร้อยละ 1.3 แม้ในเบื้องต้นวอลล์สตรีทได้แรงหนุนจากข้อมูลราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯและการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน ดาวโจนส์ ลดลง 205.99 จุด ปิดที่ 25,080.50 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 20.60 จุด ปิดที่ 2,701.58 จุด แนสแดค ลดลง 64.48 จุด ปิดที่ 7,136.39 จุด
+++ราคาทองคำ ฟื้นตัวแรง หลังจากก่อนหน้านี้ขยับลง 7 ใน 8 วันซื้อขายหลังสุด โดยทองคำ เพิ่มขึ้น 8.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,210.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กำหนดจัดงานเนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักงาน ป.ป.ช. ครบรอบ 19 ปี ป.ป.ช. มุ่งมั่นสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ณ สำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดนนทบุรี มีการจัดเสวนาเรื่อง นวัตกรรมต้านโกงยุค 4.0 และพิธีมอบรางวัลต่าง ๆ ช่วงบ่ายเป็นพิธีมอบรางวัลให้บุคคล หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน ประกอบด้วยรางวัล 1. รางวัลตอบแทนหรือประโยชน์อื่นใดในการส่งเสริมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2. โครงการนักคิดสุจริต 3. โครงการประกวดสื่อป้องกันการทุจริต 4.รางวัลช่อสะอาด นอกจากนี้ ยังมีการมอบรางวัลแก่บุคลากรสำนักงาน ป.ป.ช. คือ 1. รางวัลเพชรน้ำเอก 2. รางวัลสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดที่มีผลงานดีเด่น
+++นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ส่งหนังสือถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อขอทราบความคืบหน้าคดีสินบนโรลส์-รอยซ์- การบินไทย หลังจากเวลาผ่านไปกว่า 1 ปี 6 เดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าว่าบริษัทการบินไทย ได้สอบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ และชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งช่องโหว่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่ผ่านมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทุจริตได้อีก
+++เนื้อหาในหนังสือ ระบุว่า จากการที่บริษัท โรลส์-รอยซ์ จำกัด (Rolls-Royce) ได้ยอมรับต่อทางการประเทศอังกฤษว่า ได้จ่ายสินบนให้กับอดีตผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ทางการ และอดีตรัฐมนตรีของไทย จำนวน 3 ครั้ง ระหว่าง ปี 2534-2548 คิดเป็นเงินราว 1,223 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือในการขายเครื่องยนต์ Trent800 หรือ T800 ของโรลส์-รอยซ์ให้กับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้สำหรับเครื่องบินโบอิง 777
+++องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ขอให้บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงต่อสังคมให้กระจ่างชัดว่าบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือไม่ และ ได้ดำเนินการประการใดบ้าง มีความคืบหน้าหรือข้อติดขัดประการใด
แฟ้มภาพ