ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันที่ 14 พฤศจิกายน 2561

+++ราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงหนัก สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 4.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2017 และนับเป็นการปิดลบ 12 วันติดต่อกันยาวนานที่สุุดนับตั้งแต่น้ำมันดิบสัญญาเวสต์เทกซัส เริ่มทำการซื้อขายกันในปี 1983 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน เข้าสู่ตลาดขาลง อย่างเป็นทางการ โดยงวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 4.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือเป็นการขยับลงวันเดียวรุนแรงสุดตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ ปรับลดลงแล้วกว่าร้อยละ 25 อยูู่ในระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนมีนาคม

+++ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกำลังการผลิตที่ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนตุลาคม จากทั้งโอเปกและประเทศนอกสมาชิก อย่างรัสเซีย สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ(อีไอเอ) คาดหมายว่า กำลังการผลิตของแหล่งผลิตน้ำมันชั้นหินหลักของประเทศ 7 แห่ง น่าจะเพิ่มขึ้น 113,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนธันวาคม เป็น 7.944 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวปิดลบในช่วงท้ายของการซื้อขาย ดาวโจนส์ ลดลง 100.69 จุด  ปิดที่ 25,286.49 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.04 จุด ปิดที่ 2,722.18 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 0.01 จุด ปิดที่ 7,200.88 จุด

+++ราคาทองคำ ปิดลบ 4 วันติด ทองคำลดลง 2.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,201.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

+++คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติแพ็กเกจท่องเที่ยวชุดใหญ่ กระตุ้นการเดินทางในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.-15 ม.ค. 2562 แบ่งเป็นมาตรการด้านวีซ่า 3 ประเภท ได้แก่ 1.Double Entry Visa ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าได้ 2 ครั้ง ในช่วง 6 เดือน มาตรการที่ 2 Re-Entry Permit อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ได้วีซ่าเข้าประเทศแล้วเดินทางออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้สามารถกลับเข้าประเทศไทยได้อีก และ 3.แก้ไขหลักเกณฑ์กระทรวงมหาดไทยในการอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว หรือกลุ่มที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เข้าได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี จากเดิมกำหนดให้เข้าได้ 2 ครั้ง/ปี เนื่องจากเมื่อช่วง ก.ค.-ต.ค. 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลงมากเฉลี่ยร้อยละ 11 เชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นไปตามเป้าหมาย 38 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 2 ล้านล้านบาท

+++นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวง จะสนับสนุนให้มีจุดคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือแวตรีฟันด์ในเมือง กรมสรรพากร จะออกรายละเอียดของเกณฑ์ตามมา รวมทั้งจะเพิ่มฟาสต์เลน ที่ สนามบินนานาชาติ ในการขอคืนภาษี ในกลุ่มอัญมณีให้รวดเร็วขึ้น

+++วันนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ลงพื้นที่ไปดูจุดที่เรือฟินิกซ์ ล่มที่ จ.ภูเก็ต โดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ สำรวจสภาพพื้นที่ และตรวจดูความเรียบร้อยการปฏิบัติการของนักประดาน้ำชาวไทย และชาวต่างประเทศ รวม 50 คน เพื่อดูแลการปฏิบัติการกู้เรือฟินิกซ์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

+++นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า บริษัทซีเควส มารีน จำกัด ได้ส่งทีมประดาน้ำเข้าพื้นที่ และส่งเรือเครนขนาด 1,200ตัน ความยาว 100เมตร พร้อมเรือลากจูงความยาว 34 เมตร เดินทางมาจากสิงคโปร์ เมื่อมาถึงจะเดินทางเข้าพื้นที่จุดที่เรือฟินิกซ์จม ส่วนอุปกรณ์ ที่ต้องใช้กู้เรือ ได้รอติดตั้งให้แล้วเสร็จ จากนั้นจะเริ่มปฏิบัติการกู้เรือได้ในวันที่ 15 พ.ย.

+++ความเคลื่อนไหวทางการเมือง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นัดแถลง การตัดสินใจทางการเมือง 14.00 น. ร.ร.เซนทาราแกรนด์ (เซ็นทรัลเวิลด์)

+++พรรคเพื่อชาติ และ พรรคไทยรักษาชาติ แถลงเปิดตัวบุคคลที่จะมาร่วมงานกับพรรค ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ เตรียมเปิดตัวคนรุ่นใหม่ เช่นกัน

+++มีรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีกำหนดเดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ ช่วงสุดสัปดาห์ คาดว่า จะมีแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจย้ายไปร่วมงานกับพรรคไทยรักษาชาติ ดินทางไปหารือเพื่อขอความชัดเจนในหลายประเด็น 

+++นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) พิจารณาแล้ว เห็นว่า ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัย เป็นตำแหน่งที่มีหน้าที่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเพราะมีส่วนร่วมในการพิจารณาใช้จ่ายงบประมาณในมหาวิทยาลัย  แต่เนื่องจากเป็นตำแหน่งใหม่ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หากจะประกาศให้มีผลบังคับใช้ทันทีกับผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว จะกระทบต่อการบริหารงานของมหาวิทยาลัย ที่ประชุม จึงมีมติให้ขยายระยะเวลาในการบังคับใช้ประกาศ เฉพาะส่วนตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย  ตำแหน่งประธานสภาสถาบัน รองประธานสภาสถาบัน และกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า โดยให้ขยายระยะเวลาบังคับใช้ออกไปอีก 60 วัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 ม.ค. 2562

+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย. นายกฯได้ แสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนอาเซียน (ASEAN Business and Investment Summit :ABIS) เสนอแนวคิดการเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียน เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน พร้อมชี้แจงขณะนี้ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี มีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ พร้อมกล่าวเชิญชวนภาคเอกชนให้เข้ามาลงทุนอีอีซีในไทย

+++ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มการประชุมสุดยอดอาเซียน – ออสเตรเลีย อย่างไม่เป็นทางการระหว่างอาหารเช้า ประชุมสุดยอดอาเซียน–จีน ครั้งที่ 21 การประชุมสุดยอดอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 20  การหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน (Working Lunch) การประชุมสุดยอดอาเซียน – รัสเซีย ครั้งที่ 3 การประชุมสุดยอดอาเซียน – ญี่ปุ่น ครั้งที่ 21 การประชุมผู้นำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ครั้งที่ 2 และช่วงค่ำ นายกฯ สิงคโปร์เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำประเทศที่เข้าร่วมประชุมฯ

+++ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เป็นความตกลงเขตการค้าเสรี 16 ชาติ ประกอบด้วย 10 ชาติในสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และ 6 ชาติคู่เจรจาคือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ครอบคลุมประชากรครึ่งหนึ่งของโลก

+++นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน กล่าวสุนทรพจน์ขอเสียงสนับสนุนจากที่ประชุมในสิงคโปร์ว่าข้อตกลงนี้จะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อคนในภูมิภาค และจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังประชาคมโลกว่าเอเชียแปซิฟิก ยืนหยัดเคียงข้างการค้าเสรี กระแสปกป้องทางการค้า จีน หวังว่าจะมีการลงนามและบังคับใช้ได้ในปีหน้า 

แฟ้มภาพ