ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561

09 พฤศจิกายน 2561, 05:15น.


+++ความคืบหน้าเหตุกราดยิงในบาร์ชื่อว่าบอร์เดอร์ไลน์บาร์ แอนด์ กริลล์ ในเมืองเทาซันด์ โอ๊คส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เมื่อเวลา 23.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับเวลาในประเทศไทย 14.30 น. เมื่อวานนี้ มีคนเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ศพ รวม 13 ศพ ในจำนวนนี้รวมถึงคนร้าย 1 ศพ และมีคนบาดเจ็บ 12 คน ขณะที่ CNN และ BBC รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ศพ



+++ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทวีตข้อความแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมชื่นชมตำรวจและหน่วยกู้ภัยที่รีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว หน่วยเอฟบีไอ จะสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด



+++ผู้เสียชีวิตแลบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาวิทยาลัยและคนหนุ่มสาวที่กำลังเต้นรำกันที่บาร์สไตล์ตะวันตกและคันทรี่  หรือเรียกว่า “College Country Night” นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตด้วยคือ สิบตำรวจเอฟรอน เฮลุส วัย 29 ปี จากสำนักงานนายอำเภอ โดยสิบตำรวจเฮลิสกับเจ้าหน้าที่สายตรวจทางหลวงแคลิฟอร์เนียรายหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดแรกๆที่เดินทางไปถึงบาร์และเข้าไปภายใน



 +++เจฟฟ์ ดีน นายอำเภอเวนตูรา เคาน์ตี ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนร้ายเสียชีวิตเช่นกัน ได้แก่นายเอียน ลอง วัย 28 ปี พร้อมบอกระหว่างการแถลงข่าวว่าดูเหมือนนายลอง จะยิงตัวตาย 

+++เทย์เลอร์ วอน โมลท์ ผู้เห็นเหตุการณ์วัย 21 ปี พนักงานของบาร์ เล่าว่า เห็นมือปืนสวมหน้ากากสีดำและใช้ผ้าพันคอปิดช่วงล่างของใบหน้า รวมถึงสวมเสื้อแบบมีฮู้ดสีดำ ตอนแรกที่ฉันได้ยิน ฉันคิดว่าเป็นเสียงลูกโป่งแตก และเริ่มสับสน เพราะไม่เห็นว่ารอบๆจะมีลูกโป่งเลย จากนั้นก็เห็นคนร้าย และเห็นเขากราดยิงมากกว่า 1 นัด จึงรีบวิ่งไปทางประตูทางออกที่ใกล้ที่สุด แต่สะดุดหกล้ม ถูกคนอื่นๆวิ่งทับ



+++ส่วนผู้เห็นเหตุการณ์อีกคน จอห์น เฮดจ์ เปิดเผยกับเอบีซีนิวส์ว่า ยืนอยู่แถวๆประตูหน้าของบาร์ ตอนที่เกิดเหตุกราดยิงเริ่มต้นขึ้น จึงหมอบลงกับพื้น มองไปรอบๆ เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถูกยิง มือปืนขว้างระเบิดควันไปทั่ว และกราดยิงไม่หยุด

+++ที่อินโดนีเซีย นายดานัง ปริฮันโตโร โฆษกของสายการบินไลอ้อนแอร์ แถลงว่า เครื่องบินโดยสารของสายการบินไลอ้อนแอร์ ออกจากลานจอดไปยังรันเวย์ เพื่อที่จะนำเครื่องขึ้นบิน เดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่กรุงจาการ์ตาเกิดเฉี่ยวกับเสาไฟ สนามบินเบงกูลู บนเกาะสุมาตรา ทำให้ปีกด้านซ้ายของเครื่องบิน ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ต้องนำผู้โดยสารทั้งหมด ลงจากเครื่องบินก่อน แล้วนำเครื่องบินลำใหม่มาให้บริการนำผู้โดยสารสู่จุดหมายปลายทางในเวลาต่อมา



+++โฆษกไลอ้อนแอร์ แถลงยืนยันว่า ผู้โดยสาร 143 คนและลูกเรืออีก 7 คนปลอดภัย และกล่าวขออภัยต่อผู้โดยสารในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น และได้ส่งทีมงานเดินทางไปตรวจสอบเครื่องบินลำดังกล่าว



+++ขณะที่ กระทรวงคมนาคมของอินโดนีเซีย นายปรามินโตฮาดี ซูการ์โน เจ้าหน้าที่อาวุโส เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมก็จะสอบสวนในเรื่องนี้เช่นกัน โดยเครื่องบินต้องงดบินไว้ก่อนเช่นเดียวกับนักบินเพื่อสอบสวน



+++ย้อนไปเมื่อวันที่ 29 ต.ค. เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737-แมกซ์ 8 ของสายการบินไลอ้อนแอร์ ประสบอุบัติเหตุตกในทะเลชวา หลังจากบินขึ้นมาได้ไม่กี่นาทีจากสนามบินกรุงจาการ์ตามุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่เมืองปังกัล ปินัง ผู้โดยสารและลูกเรือ 189 คนเสียชีวิตทั้งหมด



+++คณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติของอินโดนีเซีย แถลงว่า จากเครื่องบันทึกข้อมูลการบินที่เก็บกู้ขึ้นมาได้ แสดงให้เห็นว่า เครื่องตรวจวัดความเร็วเครื่องบินขัดข้อง แต่ผลการสอบสวนเบื้องต้นจะแถลงในช่วงสิ้นเดือนพ.ย.นี้



+++กองทัพซีเรีย สามารถช่วยเหลือกลุ่มผู้หญิงและเด็กรวมทั้งสิ้น 19 คนเป็นอิสระ หลังถูกลักพาตัวโดยพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส) ตัวประกัน ได้รับการปล่อยในพื้นที่หนึ่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองพัลไมรา หลังจากทหารต่อสู้กับกลุ่มไอเอส



+++เมื่อเดือน ต.ค. ตัวประกัน 6 คนในกลุ่มเดียวกันนี้ ได้รับความช่วยเหลือออกมาได้ สงครามกลางเมืองซีเรีย หลังล่วงเลยเข้าสู่ปีที่ 7 รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด สามารถทวงคืนดินแดนได้กว่าครึ่งค่อนประเทศ ในขณะที่กองทัพได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและอิหร่าน

+++ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ บรรษัทกระจายเสียงเอ็นเอชเคของญี่ปุ่น รายงานว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน แสดงความหวังว่า การประชุมสุดยอดจีน-สหรัฐฯที่จะมีขึ้นนอกรอบการประชุมของกลุ่มจี-20 ในอาร์เจนตินา ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้จะช่วยลดความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศ พร้อมแสดงความหวังว่าการพูดคุยระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงของจีนกับประธานาธิบดีทรัมป์ จะทำให้ทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองมีความชัดเจนและคืบหน้ามากยิ่งขึ้น นายหวัง พูดเรื่องนี้หลังความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯร้าวฉานมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก ปัญหาข้อพิพาททางการค้าและปัญหาอื่นๆอีกหลายเรื่อง



+++ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เน้นย้ำเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจาก เศรษฐกิจยังคงขยายตัว คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ ร้อยละ 2.0-2.25 ในบทสรุปของการประชุมทางนโยบาย 2 วัน และเน้นว่าตัวเลขเงินเฟ้อ ขยับเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย ร้อยละ 2 ของธนาคารกลางแล้ว

+++นักเศรษฐศาสตร์ ลงความเห็นอย่างเป็นเอกฉันท์ คาดหมายว่า จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในรอบปีนี้ในเดือนธันวาคม



แฟ้มภาพ BBC,CNN 

ข่าวทั้งหมด

X