หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับการปลดล็อคกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ว่า ขออย่ารีบร้อนเพราะเรื่องดังกล่าวจะต้องทยอยปลดล็อคกัญชาทีละขั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องกัญชาให้สามารถใช้ในทางการแพทย์ได้ ว่า ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติ (สนช.)ได้ตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณา 90 วัน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่มีความเห็นเรื่องการใช้ประโยชน์จากกัญชาให้แยกออกเป็น พ.ร.บ.เฉพาะอีกฉบับ เนื่องจากหลายประเทศมีการวิจัยพบว่า น้ำมันที่สกัดได้จากกัญชา สามารถนำมารักษาโรคได้ เช่น อัลไซเมอร์ โรคชักกระตุกหรือพาร์กินสัน โรคหอบหืด และมะเร็ง ซึ่งไทยในฐานะประเทศสมาชิกสหประชาชาติได้ทำข้อตกลง 2 ข้อ ว่าจะไม่นำยาเสพติดมาใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และให้ใช้ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์เท่านั้น
ขณะที่แนวทางปฏิบัติ รัฐบาลจะดูแลเรื่องพันธุ์กัญชา อุณหภูมิการปลูก พื้นที่ปลูก น้ำมันที่สกัดได้ ก่อนนำไปใช้ในการรักษา โดยทาง สนช. ได้ยกเรื่องดังกล่าวเป็น พ.ร.บ. เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะชี้แจงในที่ประชุมสนช. 9 พฤศจิกายนนี้ ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมครม. ในวันที่ 13 พฤศจิกายน หากเห็นชอบจะนำเข้าที่ประชุมสนช. เพื่อพิจารณาเป็นวาระต่อไป
พล.อ.อ.ประจิน ยังกล่าวอีกว่า หากปลดล็อคกัญชาประเภทที่ 5 เป็นประเภทที่ 2 ก็สามารถนำกัญชามาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ทันที นอกจากนี้จะมีการปรับกฎกระทรวงของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องแหล่งที่มาของกัญชาเพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น เพื่อให้องค์การเภสัชกรรม เป็นหน่วยงานนำร่องในการผลิตกัญชาเพื่อทางการแพทย์ก่อนร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจดทะเบียนอาหารและยา (อย.) ในส่วนของพทย์ทางเลือกและแพทย์แผนไทยต้องรอการออกพระราชบัญญัติ รวมถึงหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนก่อนนำไปใช้ประโยชน์อย่างถูกกฎหมาย