หลังจากที่นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม ดารานักแสดง และ ครอบครัว ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ที่หลอกให้นายอาร์นี นักลงทุนชาวฟินแลนด์ ร่วมลงทุนในสกุลเงินบิทคอยน์ มูลค่ากว่า700ล้านบาท นายจิรัชพิสิษฐ์ เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจที่ถูกจับ เพราะใช้ชีวิตปกติมาตลอด เมื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องการสอบสวน เมื่อสอบสวนเสร็จส่งฟ้องศาล ศาลให้ประกันตัว ยืนยัน ไม่เคยคุยกับนายอาร์นี ไม่เคยแปลภาษาที่จะสื่อสารกับนายอาร์นี เคยเจอครั้งหนึ่งเมื่อตอนไปทานข้าวกับนายปริญญา จารวิจิต พี่ชายต้นเหตุของเรื่องเท่านั้น ส่วนทรัพย์สินที่มีอยู่ขณะนี้ ครอบครัวมีมาก่อนที่จะเจอนายอาร์นีแล้ว และพ่อแม่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ซึ่งในวันที่ 1 พฤศจิกายน ตำรวจ เชิญให้พ่อและแม่เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินเพิ่มเติม กังวลว่าจะไม่ได้ประกันตัว แต่อย่างไรก็ตามยังคงเชื่อในกระบวนการ
ด้านนางสาวสุพิชฌาย์ จารวิจิต พี่สาว หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ แต่ได้ไปมอบตัว ชี้แจงว่า ไม่เคยชักชวนใครทำธุรกิจ และไม่รู้ว่านายปริญญา ทำธุรกิจอะไร รู้แค่ว่าชอบทำธุรกิจ และยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ทำผิด ไม่เคยรู้จักใครทั้งสิ้นที่เป็นกลุ่มนักลงทุน ไม่เคยเล่นหุ้น ไม่รู้จักบิทคอยน์ และพร้อมต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม
นายธนสิทธิ์ จารวิจิต พี่ชายของนายบูมอีกคนที่ตำรวจออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันพรุ่งนี้ ยืนยันว่า ครอบครัวไม่เคยโกง และได้มีการพูดคุยกับนายปริญญา เป็นระยะ ระหว่างที่นายปริญญาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ไม่ได้คิดหลบหนีแต่หมายจับออกมาขณะที่นายปริญญาอยู่สหรัฐอเมริกาแล้ว ถ้าคิดจะหลบหนี คงจะไม่เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย โดยนายปริญญา ได้ไปติดต่อกับกงสุลไทย เพื่อขอเข้ามอบตัว และทุกอย่างมีหลักฐานยืนยันได้ โดยได้ยื่นกับศาลเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เป็นแนวทางในการพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัว
นายธนสิทธิ์ ยังขอความเป็นธรรมในการต่อสู้คดีและขอพื้นที่ในสังคมให้กับครอบครัวด้วย และหลังเหตุการณ์นายอาร์นี ก็ไม่เคยชี้แจงรายละเอียด ตั้งข้อสงสัยว่า นายอาร์นี อายุเพียงแค่21ปี แต่เพราะเหตุใดทำไมมีเงินลงทุนเป็นหมื่นล้าน ในส่วนตัวมีความกังวลใจเรื่องของคดีด้วย เพราะนายอาร์นี มีเงินจำนวนมาก และที่ครอบครัว ไม่ออกมาพูดก่อนหน้านี้ เพราะคนที่จะพูดได้ดีที่สุดคือ นายปริญญา เท่านั้น แต่เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ได้รับการประกันตัว
ส่วนเงินที่เข้ามาในบัญชี เป็นเงินในการทำธุรกิจสังหาริมทรัพย์ที่ถูกต้อง มีเงินจากธุรกิจกงสีด้วย สามารถชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ถึงเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด นายธนสิทธิ์ ยอมรับว่า นายปริญญา ติดต่อทำธุรกิจกับนักลงทุนกลุ่มของนายอาร์นี แต่ไม่รู้รายละเอียด ในส่วนตัวเคยลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล แต่นายบูมและนางสาวสุพิชฌาย์ ไม่ทราบเรื่องการลงทุนดังกล่าว ส่วนจะฟ้องกลับนายอาร์นีหรือไม่ จะให้ทีมทนายความ เป็นผู้พิจารณา
ขณะที่ ตัวแทนทนายความ ขอนำเสนอหลักฐานเส้นทางการเงินในชั้นพนักงานสอบสวนและในชั้นศาลก่อน เพราะหากนำเสนอตอนนี้เกรงว่าจะเข้าใจคาดเคลื่อน
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ