เวทีดีเบต ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เริ่มแล้ว เสนอจุดยืน ไม่ให้เกิดรัฐประหาร

26 ตุลาคม 2561, 16:53น.


การแสดงวิสัยทัศน์หรือการดีเบตของผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คน ที่ประกอบด้วย นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และนาย อลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เริ่มต้นขึ้นแล้วในเวลา 16.00น. โดยการดีเบตเริ่มที่คำถามแรกจากนาย กิตติ สิงหาปัด พิธีกรข่าวช่อง 3 ที่ถามว่าผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคชอบอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ท่านใดมากที่สุด เพราะอะไร



นาย อภิสิทธิ์ ตอบว่า จะเปรียบเทียบเลือกใครคนใดคนหนึ่งนั้นไม่ได้ พร้อมยกตัวอย่างการเข้ามาทำงานในพรรคของหัวหน้าพรรคแต่ละคนว่ามีวาระการทำงานที่แตกต่างกันไป มองว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องทำสิ่งใหม่ ซึ่งสิ่งแรกที่ตัวเองเริ่มทำสิ่งใหม่ให้กับพรรคคือ การจัดให้มีการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รูปแบบใหม่ในวันนี้



นายแพทย์ วรงค์ ตอบว่า ชอบนาย ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีมากที่สุด เพราะได้สอนอะไรตัวเองหลายอย่างทั้งความซื่อสัตย์, การรักประชาชน และความขยัน เชื่อว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จจากคำสอนของนาย ชวน



ด้านนาย อลงกรณ์ ตอบว่า ศรัทธาหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคทุกคน เพราะทำให้พรรคยืนอยู่มาได้ถึง 72 ปี ตัวเองจะยึดมั่นในแนวทางของพรรค ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือการต่อสู้เพื่อประชาชน และสืบสานอุดมการณ์ของพรรค เพื่อให้พรรคกลับมาเป็นอันดับหนึ่งให้ได้



นายกิตติ ยังถามนาย อลงกรณ์ ต่อว่า ศรัทธาหัวหน้าพรรคทุกคน แล้วเหตุใดจึงมาลงชิงตำแหน่งแย่งกับนาย อภิสิทธิ์ นายอลงกรณ์ จึงบอกว่า เพราะนาย อภิสิทธิ์ ครบวาระ ด้านนาย อภิสิทธิ์ ได้ตอบกลับว่า แต่ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้หัวหน้าพรรคดำรงตำแหน่งต่อ



คำถามที่สองนายกิตติ ได้ถามถึงการวางตำแหน่งของพรรคในทางการเมือง นาย อลงกรณ์ บอกว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ จุดยืนของตัวเองคือไม่ต้องการนายกฯคนนอก ทั้งนี้พรรคต้องสร้างจุดยืนที่ชัดเจนเพื่อมิให้เกิดรัฐประหาร ส่วนตัวถ้าได้เป็นหัวหน้าพรรคพร้อมเป็นฝ่ายค้านและรัฐบาล



ส่วนนาย อภิสิทธิ์ บอกว่า การเมืองยุคนี้คือ การเมืองสามก๊ก ถ้าพรรคชนะต้องเป็นคนกำหนดวาระให้ได้ ตัวเองมีจุดยืนว่าผู้ที่ได้เสียงข้างมากในสภาต้องเป็นฝ่ายที่มีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล ส่วนเงื่อนไขการร่วมรัฐบาลกับพรรคอื่นต้องว่ากันตามนโยบายที่ต้องสอดคล้องกับพรรค และถ้าพรรคจะเข้าร่วมเป็นรัฐบาล ก็จะเป็นเพราะต้องการเข้าแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ไม่ใช่เพราะต้องการตำแหน่ง



คำถามต่อมาเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่ว่าแต่ละคนมีจุดเด่นต่างจากอีกสองคนอย่างไรในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นาย อลงกรณ์ บอกว่า ประเทศเกิดภาวะเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอย่างมาก และมีการผูกขาดจากกลุ่มนายทุนมายาวนาน ถ้าตัวเองเข้ามาจะบังคับใช้กฎหมายการป้องกันการผูกขาด และจะไม่รับเงินทุนสามานย์จากกลุ่มนายทุน เพื่อขจัดการผูกขาดให้ได้



นาย อภิสิทธิ์ บอกว่า ไม่ต้องการพูดว่าเหนือกว่าใคร เพราะวันนี้แข่งกันแบบพี่น้อง แต่ตัวเองเคยพาประเทศออกจากวิกฤตการณ์แฮมเบอฺร์เกอร์ไครซิสได้ ทั้งยังเป็นคนแรกที่เสนอว่าไม่ควรนำตัวเลขจีดีพีมาเป็นตัวประเมินเศรษฐกิจ ด้านนายแพทย์ วรงค์ บอกว่า ตัวเองเข้าถึงประชาชนอย่างใกล้ชิดทำให้ได้รับรู้ปัญหาของประชาชน และมีทีมงานคอยช่วยเหลือ สิ่งสำคัญสุดคือต้องกล้าตัดสินใจเพื่อให้ประชาชนได้สิ่งที่ดีที่สุด

คำถามต่อมาคือการถามว่าถ้าได้เป็นหัวหน้าพรรค จะให้ผู้สมัครอีก 2 คนดำรงตำแหน่งใด นาย อลงกรณ์ บอกว่า ต้องถาม นาย อภิสิทธิ์ ว่าอยากได้ตำแหน่งใด แต่จะให้นายแพทย์ วรงค์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ด้านนาย อภิสิทธิ์ ตอบกลับให้นาย อลงกรณ์ เสนอชื่อตัวเองเป็นนายกฯได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม พร้อมระบุว่า นาย อลงกรณ์ น่าจะช่วยงานด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ส่วนนายแพทย์วรงค์ น่าจะมีความชำนาญในเรื่องการเกษตรจากการทำคดีโครงการรับจำนำข้าวและดูแลการเกษตรที่ผ่านมา ส่วนนายแพทย์วรงค์ บอกว่า จะให้นาย อลงกรณ์ เลือกได้ตามใจ ส่วนนาย อภิสิทธิ์ ให้มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพราะตัวเองจะเป็นนายกฯ ทั้งนี้มองว่าต้องเร่งจัดการเรื่องเศรษฐกิจในประเทศโดยเร็ว



การดีเบตในวันนี้พบว่ามีอดีตหัวหน้าพรรค, ผู้บริหารพรรค และอดีตส.ส.พรรคหลายคนมาร่วมฟังการดีเบตด้วย เช่น นาย ชวย หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี, นาย จุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค, นาย องอาจ คล้ามไพบูลย์ และนาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น

ข่าวทั้งหมด

X