ขนส่ง พักใบอนุญาตประกอบการขนส่ง 6 เดือน หลังเกิดเหตุรถตู้พลิกคว่ำในกำแพงเพชร

22 ตุลาคม 2561, 14:16น.


หลังเกิดอุบัติเหตุรถตู้โดยสารเช่าเหมารับแรงงานชาวเมียนมาร์บรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่ง เพื่อไปต่อวีซ่าที่แม่สอดเสียหลักลงข้างทางชนต้นไม้เกิดเพลิงลุกไหม้ทั้งคันบริเวณทางหลวงแผ่นดินที่ 1 กิโลเมตร ที่ 422+900 มุ่งหน้าเข้าเมืองกำแพงเพชร ตำบลท่าพุทรา อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บอีก 6 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2561 นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ารถตู้คันเกิดเหตุเป็นตู้โดยสารเช่าเหมาคันหมายเลขทะเบียน 33-2779 กรุงเทพมหานคร สิ้นอายุภาษีวันที่ 31 มีนาคม 2562 นำรถเข้าตรวจสภาพครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 ผู้ขับรถคือ นายคมวัฏ แซ่พู ใบอนุญาตผู้ขับรถ ท.2 เลขที่ 2กจ.155/57 สิ้นอายุ 3 สิงหาคม 2562 ซึ่งเสียหลักลงข้างทางชนต้นไม้จนเกิดเพลิงลุกไหม้ 




สำหรับสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวอยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เนื่องจากมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีการฝ่าฝืนข้อกฎหมายหลายบท ประกอบกับเป็นอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ในเบื้องต้นกรมการขนส่งทางบกจึงได้ดำเนินการพักใช้ใบอนุญาตประกอบการขนส่งเป็นเวลา 6 เดือน และพักใช้ใบอนุญาตขับรถระหว่างพิจารณาผลคดีเป็นเวลา 180 วัน และเพิกถอนรถคันเกิดเหตุออกจากประกอบการทันที และได้มอบหมายให้สำนักงานขนส่งจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และติดตามผลทางคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาลงโทษผู้ประกอบการขนส่งเพิ่มเติมในความผิดฐานไม่ควบคุมกำกับดูแลพนักงานขับรถให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยขั้นสูงสุดเป็นเงิน 50,000 บาท พร้อมพิจารณาโทษพนักงานขับรถ ข้อหาบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่งเปรียบเทียบปรับสูงสุดเป็นเงิน 5,000 บาท และหากผลการสอบสวนถึงที่สุดพบว่าสาเหตุอุบัติเหตุเกิดจากความบกพร่องของตัวรถ ผู้ประกอบการขนส่งหรือผู้ขับรถจะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายขั้นสูงสุดทุกกรณีความผิดต่อไป


ในส่วนของการคุ้มครองผู้โดยสารตามกฎหมาย ผู้ประกอบการมีการจัดทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 และประกันภัยเพิ่มเติมภาคสมัครใจชั้นหนึ่งกับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด ซึ่งกำหนดจ่ายค่าสินไหมแก่ผู้บาดเจ็บสูงสุด 80,000 บาทต่อราย พนักงานขับรถไม่เกิน 30,000 บาท กรณีเสียชีวิตสูงสุดได้คนละ 300,000 บาท โดยกรมการขนส่งทางบกจะกำชับให้ติดตามการคุ้มครองดูแลจนครบถ้วนทุกราย อีกทั้งมีมาตรการคุมเข้มทั้งพนักงานขับรถและสภาพรถมาอย่างต่อเนื่อง มีการติดตั้ง GPS Tracking ในรถโดยสาร เพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุม กำกับ ติดตามพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน ทั้งในเรื่องความเร็ว การใช้ใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง พฤติกรรมการขับขี่ ชั่วโมงการขับรถ ซึ่งในรอบ 24 ชั่วโมง ผู้ขับรถสามารถขับรถได้ติดต่อกัน 4 ชั่วโมงพักครึ่งชั่วโมงและสามารถขับรถต่อได้อีก 4 ชั่วโมง โดยศูนย์ฯ GPS ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศทั้ง 76 จังหวัด สามารถติดตามตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกอย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมพฤติกรรมการขับรถให้มีความปลอดภัยและรายงานให้ผู้ประกอบการได้ทราบ 


ทั้งนี้ผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถสาธารณะทุกประเภทและพนักงานขับรถทุกคนปฏิบัติตามเงื่อนไขการเดินรถ โดยห้ามบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่กำหนด ห้ามเรียกค่าโดยสารเกินอัตราที่กำหนด สภาพรถต้องมีความพร้อม มีความปลอดภัยในการใช้งานบนท้องถนน พนักงานขับรถต้องไร้สารเสพติด แอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์และขับรถไม่เกินชั่วโมงการทำงานตามที่กฎหมายกำหนดพบฝ่าฝืนลงโทษหนักทุกกรณี  และหากพบมีการใช้อุปกรณ์ตัดสัญญาณทำให้ข้อมูลพิกัดตำแหน่งเคลื่อนที่ของรถไม่สามารถส่งข้อมูลมายังศูนย์ฯ GPS ได้ จะแจ้งความดำเนินคดี ทั้งพนักงานขับรถและผู้ประกอบการ กรณีที่พบว่าผู้ประกอบการขนส่งรายใดมีพฤติกรรมรู้เห็นเป็นใจสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวพิจารณาพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งทันที


 


ภาพ Cr. ศิน 397
ข่าวทั้งหมด

X