การคืนเงินให้กับผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงและโอนไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้าย แล้วระงับไม่ให้สามารถถอนเงินออกไปได้ ในคดีคอลเซ็นเตอร์และแก๊งโรแมนซ์สแกม วันนี้ พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี1 รองโฆษกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ธนาคาร ร่วมกันคืนเงินให้กับ 2 ผู้เสียหาย รวมเป็นเงิน 485,000 บาท
พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาชาวไทย 4 คน ร่วมกับชาวไต้หวัน ตั้งกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยใช้คอนโดหรู เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน เป็นฐานปฏิบัติการ หลังชุดสืบสวนขยายผลร่วมกับตำรวจมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าตรวจค้นฐานปฏิบัติการของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ โดยทั้งหมดถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และส่งต่อให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางชัน รับไปดำเนินคดีตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันเป็นอั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
สำหรับผู้เสียหายในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของ สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงิน จำนวน 500,000 บาท ในคดีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายไว้ได้ จำนวน 300,000 บาท ขณะที่ผู้เสียหายในคดีแก๊งโรแมนซ์สแกมของสน.นางเลิ้ง ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงิน จำนวน 8,965,560 บาท ในคดีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายไว้ได้ จำนวน 185,000 บาท
จากสถิติการรับแจ้งเหตุคดีคอลเซ็นเตอร์ ศปอส.ตร. รับแจ้งเหตุตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2561 จำนวน 506 คดี มูลค่าความเสียหาย 259,663,632.04 บาท จากสถิติการรับแจ้งเหตุคดีโรแมนซ์สแกมรับแจ้งเหตุตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2561 ถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2561 จำนวน 156 คดี มูลค่าความเสียหาย 89,521,494 บาท