ในการประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม ซัมมิตครั้งที่ 12 ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม มีผู้นำประเทศในยุโรป 30 ประเทศ และเอเชีย 21 ประเทศ เข้าร่วมการประชุม ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มประเทศที่มีมูลค่าการค้ารวมกันมากถึงร้อยละ 55 ของการค้าโลก และมีประชากรรวมกันมากถึงร้อยละ 60 ของประชากรโลก
นายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานสภาสหภาพยุโรป กล่าวเปิดการประชุมโดยระบุว่า ยุโรปและเอเชียควรร่วมมือกันใช้ศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะความขัดแย้งทางการค้าที่ทำให้ประชาชนหลายล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยง และเป็นภัยคุกคามต่อสภาพภูมิอากาศโลก
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ กลุ่มรัฐมนตรีด้านกิจการต่างประเทศของสหภาพยุโรป เสนอให้ผู้นำยุโรปจะนำประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนขึ้นมาหารือกับผู้นำเอเชีย โดยเฉพาะเรื่องวิกฤติการณ์ชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ของเมียนมา นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และความตึงเครียดระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ แต่กลุ่มผู้นำยุโรปมีข้อตกลงก่อนหน้านี้ว่า จะไม่มีการรวมกลุ่มเพื่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากนี้แล้ว ในการประชุมจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลี ปัญหาผู้อพยพ การโจมตีทางไซเบอร์ และการต่อสู้กับการก่อการร้ายและภาวะโลกร้อน
ด้านนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมีนโยบายสนับสนุนการค้าเสรีและการเสริมสร้างระบบการค้าที่เป็นอิสระและเป็นธรรม พร้อมสนับสนุนด้านคุณภาพสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา ทั้งจะเรียกร้องให้มีการดำเนินการตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการลงโทษเกาหลีเหนืออย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์และแก้ไขปัญหาการลักพาตัวชาวญี่ปุ่น
...
F163