ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันศุกร์ที่19ตุลาคม2561
+++ประเด็นร้อนวันนี้ ติดตาม การประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียยุโรป ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 18-20 ต.ค. ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม มีผู้นำกว่า 11 ชาติ ขอหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและการเลือกตั้งของไทยในปี 2562
+++ทันทีที่ถึงเบลเยี่ยม พล.อ.ประยุทธ์ได้โพสต์ภาพกับคนไทยในเบลเยี่ยม ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวไทยในเบลเยี่ยมครับ พร้อมกล่าวกับคนไทยที่ให้การต้อนรับช่วงหนึ่งว่า "ดีใจด้วยที่ได้เจอ ผมเอาความรักความห่วงใยจากคนไทยทั้งประเทศมาหาทุกคน เพราะทุกคนถือว่าเป็นคนไทย เวลาที่ไปต่างประเทศ นอกจากปฏิบัติภารกิจแล้วได้ดูถนนหนทางต่างๆ ของประเทศนั้นๆ สิ่งที่เห็นถึงความแตกต่างจากของไทย คือคนไทยชินกับความสบาย ความสบายคือแบบเบิร์ดเบิร์ด
+++ส่วนที่ต่างประเทศลมฟ้าอากาศก็ดี อากาศค่อนข้างหนาว บางที่มีหิมะแต่ก็สามารถจัดการได้ดี บางประเทศมีขนาดเล็กกว่าประเทศไทยเช่น เบลเยี่ยม มีขนาดเล็กกว่าประเทศของเรา จำนวนคนก็น้อยกว่า ดังนั้น บ้านเราจึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาคน พัฒนาความคิดของคน ต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มที่กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งขณะนี้นำบริษัทข้างนอกเข้ามาช่วยคิดช่วยทำ แต่อะไรที่ทำดีอยู่แล้วก็ทำต่อไป"
+++นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า มีผู้นำหลายประเทศที่มีความประสงค์จะพบหารือกับนายกฯแล้วมากกว่า 11 ประเทศ แต่คงไม่สามารถที่จะหารือได้ครบทุกประเทศ การที่เขาพูดคุยกับนายกฯส่วนหนึ่งเพราะบรรดาผู้นำต่างสนใจกับโรดแมปของประเทศไทย ที่ทราบกันดีว่ากำลังเดินเข้าสู่การเลือกตั้ง และก็รับรู้ว่า แม้นายกฯจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ก็มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ เพราะมีคนในรัฐบาลตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ทำให้ฐานะของนายกฯเข้มข้นขึ้น หมายความว่า แม้นายกฯจะไม่ได้เข้าสู่การเลือกตั้งโดยตรง แต่ก็เปิดโอกาสให้ตัวเอง ทำให้นานาประเทศรับรู้ว่าโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาอีกในฐานะนายกฯก็มี เมื่อมีโอกาสอาจเป็นมุมที่ทำให้ใครๆ ก็อยากจะพูดคุยกับผู้ที่อาจจะเป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยก็ได้
+++ประเด็นรัฐประหาร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระบุทำนองหากการเมืองไม่ออกมาจลาจล จนเกิดความขัดแย้งก็ไม่เกิดการรัฐประหารว่า ไม่มีหรอก ที่ ผบ.ทบ.พูดหมายถึงวันข้างหน้าที่แสดงความเป็นกังวล แต่ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเหตุการณ์สงบก็ไม่มีอะไร เมื่อถามย้ำว่า หากมีความไม่สงบ ควรมีทางออกอื่นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่รู้ ก็หาสิ มันแล้วแต่สถานการณ์ แต่เชื่อว่าคงไม่มีแล้ว"
+++พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณ ใครจะไปตีความอย่างไรไม่วิจารณ์ แต่ พล.อ.อภิรัชต์พูดชัดว่าหวังให้ประเทศไทยไม่มีความขัดแย้ง ไม่ใช้กำลัง ตนไม่ขอแสดงความเห็นเพราะจะถูกนำไปขยายความ
+++พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวว่า ผบ.ทบ.พูดมีเหตุผล เชื่อว่าทหารหรือทุกๆ คนเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ในรัฐบาลประชาชนทั่วไปหรือทหารไม่อยากรัฐประหารอยู่แล้ว ทหารมีหน้าที่รักษาความสงบและเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงถ้าทุกคนร่วมใจกันอยู่ในกติกาไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งเป็นเรื่องของอนาคตและเชื่อว่าไม่มีใครอยากทำ
+++นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า ไม่ทราบว่าการที่ ผบ.ทบ.ออกมาพูดเป็นการส่งสัญญาณถึงพรรค พท. ส่วนตัวมองว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการใช้กฎหมาย ถ้าเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย
+++นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มองว่าการที่ ผบ.ทบ.ออกมาพูดเรื่องนี้เป็นเพราะมองตามประวัติศาสตร์การเมืองมากกว่า ส่วนจะเป็นการปรามนักการเมืองหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่คิดว่า ผบ.ทบ.คงอยากให้เห็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ในฐานะนักการเมืองเรียกร้องมาตลอดว่าอย่าทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก และไม่ควรชี้นิ้วต่อว่าใครเป็นต้นเหตุ แต่ควรจะย้อนดูตัวเอง
+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้า ในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จาก 64 แห่งทั่วโลก พร้อมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาช่องทางรักษาระดับการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมายเดิมร้อยละ 8 ในปี 2561 มูลค่า 255,565 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการส่งออกช่วง 8 เดือนแรกของปีขยายตัวร้อยละ 10 และต้องการผลักดันการส่งออกขยายตัวร้อยละ 8 ในปี 2562 มูลค่าส่งออก 276,011 ล้านดอลลาร์สหรัฐหลังเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวและปัญหาสงครามการค้าจีนและสหรัฐ หากขยายวงกว้างจะกระทบไปหลายประเทศรวมทั้งไทย จึงต้องการให้ทูตพาณิชย์ประเมินว่าสินค้ารายการใดได้รับผลกระทบบ้าง รวมทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นอาจกระทบต้นทุนผู้ประกอบการ
+++ตลาดสหรัฐ กำหนด เป้าหมายส่งออกขยายตัวร้อยละ 7 จากปัจจุบันขยายร้อยละ 10.6 นับว่าพอใจ และปีหน้าคาดว่าขยายตัวร้อยละ 6 เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอำนาจซื้อสูง ขณะที่ตลาดจีน ตั้งเป้าหมายส่งออกขยายตัวร้อยละ 10 ฮ่องกงร้อยละ 10 ในปี 2561 ส่วนปี 2562 ตั้งเป้าหมายส่งออกขยายตัวร้อยละ 12 ฮ่องกงร้อยละ 12 จากปัจจุบันการส่งออกไปจีนขยายตัวร้อยละ 6.3 มูลค่า 20,071 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฮ่องกงเติบโตร้อยละ 6.9 มูลค่า 8,309 ล้านดอลาร์สหรัฐ รัฐบาลต้องการให้กระทรวงพาณิชย์จับมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จัดงานแสดงสินค้าและการลงทุนร่วมกันและจัดงานบุกตลาดให้ถี่มากขึ้น
+++นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยแนวโน้มเศรษฐกิจปี2562 โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 4.0-4.5 โดยมีปัจจัยบวกมาจากการเลือกตั้งที่จะมีเงินหมุนเวียนประมาณ 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการเลือกตั้ง สส.40,000 ล้านบาท และการเลือกตั้งท้องถิ่น 40,000 ล้านบาท โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 2562 หากมีการเลือกตั้ง สส.จริงจะมีเงินสะพัดหมุนเวียนเดือนนี้เดือนเดียวมากถึง 40,000 ล้านบาท
+++ขณะที่ นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงว่า ช่วงเดือนกันยายน ที่ผ่านมามีปัจจัยลบเรื่องปัญหาความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อการชะลอตัวของการท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งประสบอุบัติเหตุเรือล่มที่จังหวัด ภูเก็ต การทำร้ายนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบิน ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ปัญหาราคาสินค้าเกษตรยาง ปาล์ม ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ฯลฯ อย่างไรก็ดีมีปัจจัยด้านบวก คือ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.50
+++การบินไทย ได้โพสต์ขอโทษสังคมกับสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก Thai Airways โดยระบุว่า เรื่องราวแย่งที่นั่งระหว่างนักบินกับผู้โดยสารที่เกิดขึ้นบนเที่ยวบิน TG 971 เส้นทางระหว่าง ซูริค - กรุงเทพฯ ได้เกิดขึ้นจริงตามที่มีกระแสแชร์ออกไปทางโซเชียลมีเดีย ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เที่ยวบินดังกล่าวต้องบินออกมาล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะนักบินไม่นำเครื่องบินออกจากสนามบินซูริค ผู้โดยสารกว่า 300 คนต้องรอคอยให้ปัญหาดังกล่าวคลี่คลาย และมีข้อมูลอ้างว่าในที่สุด สามี-ภรรยาคู่หนึ่งตัดสินใจสละที่นั่งในชั้นธุรกิจของตัวเองให้ เพื่อเป็นการจบปัญหาทั้งหมดและเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทั้งที่ทั้งคู่ก็ซื้อตั๋วจองล่วงหน้าทำตามระบบอย่างถูกต้องก็ตาม