กลุ่มการเมืองยังหวังเลือกตั้ง รวมตัวเครือข่ายประชาชน เลือกตั้งเสรี เป็นธรรม

การเสวนาหัวข้อ "การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมกับอนาคตสังคมและการเมืองไทย" ที่มีตัวแทนจากพรรคการเมืองหลายพรรคเข้าร่วมงานเสวนา
ในวันนี้พรรคการเมืองทุกพรรคที่เข้าร่วมงานเสวนาได้ร่วมกับเครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้งเสรี, เป็นธรรม และมีผลทางปฏิบัติ ที่มีองค์กรหลายองค์กรอยู่ในเครือข่าย เช่น กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการเลือกตั้งที่จะถึงนี้อย่างโปร่งใส และเป็นธรรม ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าสมาคมคนไทยเพื่อประชาธิปไตยที่มีนาย จรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตแกนนำกลุ่มนปช. ผู้หนีคดีม.112 และคำสั่งคสช.อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประธานสมาคม ได้ร่วมส่งหนังสือมาสนับสนุนให้กำลังใจเครือข่ายประชาชนฯด้วย
ด้านนาย ภราดร ปริศนานันทกุล อดีตส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า ขอเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ยกเลิกคำสั่งม.44 และเชิญองค์กรต่างประเทศต่างๆมาเฝ้าสังเกตการณ์การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เพื่อความเป็นธรรม พร้อมเรียกร้องให้คสช.สร้างความชัดเจนในการเลือกตั้งและปลดล็อคทุกคำสั่งกิจกรรมทางการเมืองทันที เพื่อให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ซึ่งจะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริง เพราะขณะนี้ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เนื่องจากไม่มีความชัดเจนจากผู้มีอำนาจ ยังเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ต้องเป็นอิสระและเป็นกลาง ไม่ฟังคำสั่งจากฝั่งที่ตัวเองชื่นชอบ และเรียกร้องไปถึงพรรคการเมืองทุกพรรคว่าหลังเลือกตั้งให้ทำสัญญากันว่าพรรคที่ชนะได้เป็นรัฐบาลจะอยู่เพียงแค่ 1 ปีแล้วยุบสภา เพื่อใช้เวลาดังกล่าวทำหน้าที่สรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) เพื่อเขียนกติกาใหม่ให้ประเทศ ทั้งขอให้หลังเลือกตั้งทุกพรรคต้องเลิกการใส่ร้ายป้ายสีและการเล่นการเมืองแบบเก่าได้แล้ว
แต่นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ มั่นใจว่า จะไม่มีการเลื่อนเลือกตั้งออกไปมากกว่าเดือนพฤษภาคม 2562 เนื่องจากกฎหมายได้กำหนดเงื่อนเวลาเลือกตั้งไว้ ที่สำคัญพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคสนับสนุนรัฐบาลก็เกิดขึ้นแล้ว แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ คสช.กำลังสืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้งผ่านการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ และการควบคุมหน่วยงานต่างๆ อีกสิ่งคือการที่ม.44 มีอำนาจใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังระบุว่า สังคมต้องท้าทายคำสั่งคสช.ให้มากขึ้น พร้อมฝากคสช.ให้คิดว่ายังมีเวลาที่จะเลือกอยู่ข้างประชาธิปไตย ก่อนที่อำนาจจะหมดลง และเรียกร้องให้คสช.ยกเลิกคำสั่งทุกฉบับที่ลิดรอนสิทธิประชาชนและพรรคการเมือง ทั้งเรียกร้องให้กกต.สร้างความเป็นกลางให้ตัวเองด้วย