การปาฐกถาในหัวข้อ "ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์" โดยนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวปาฐกถาว่า ตลอดเวลา 70 ปีแห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับในต่างจังหวัดถึงปีละ 8 เดือน เพื่อทรงงานให้พสกนิกรตามปฐมบรมราชโองการที่พระองค์ทรงพระราชทานให้ไว้ว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
นายสุเมธ ยอมรับว่าทุกวันที่ติดตามพระองค์ไปทรงงานถือเป็นวันที่เหนื่อยยากที่สุด เพราะหลายครั้งพระองค์ทรงงานถึงช่วงค่ำ นายสุเมธ ยังเล่าต่อว่า ติดตามเสด็จฯพระองค์ทรงงานมาตลอด 35 ปี ได้เห็นว่าพระองค์ทรงงานอย่างหนักทุกวันและทรงเป็นห่วงผู้อื่นเสมอ ทั้งที่ทรงไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่ก็ทรงทำเพื่อพสกนิกรคนไทยทุกคน ทั้งยังทรงมีพระราชจริยวัตรที่เรียบง่าย ทรงมีพระราชอารมณ์ขัน และทรงเป็นนักประชาธิปไตย เพราะทรงรับฟังความคิดเห็นและคำแนะนำจากทุกคน ทรงพระราชทานคำแนะนำให้ตัวเองอยู่เสมอว่าควรฟังทุกคนให้รอบด้าน ไม่ควรรีบตัดสินใจ ในช่วงที่พระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ทรงมีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนินไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศหลายครั้ง แต่เนื่องจากทรงมีพระราชกรณียกิจในประเทศที่ต้องช่วยเหลือพสกนิกรคนไทยจำนวนมาก จึงทำให้ไม่มีโอกาสเสด็จพระราชดำเนินตามพระราชประสงค์
นายสุเมธ ฝากถึงประชาชนให้คิดด้วยว่า พระองค์ทรงเป็นจอมทัพ แต่ไม่ใช่จอมทัพของการสู้รบ แต่เป็นจอมทัพของการพัฒนา วันนี้จอมทัพไม่อยู่แล้ว แต่ทรงพระราชทานแนวทางและคำสอนต่างๆไว้ให้คนในกองทัพ จึงอยู่ที่ว่าคนในกองทัพจะสานต่อสิ่งเหล่านี้ให้ดีได้อย่างไร พร้อมฝากถึงครั้งหนึ่งที่พระองค์ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับตัวเองว่า สุเมธ งานยังไม่เสร็จ ซึ่งนอกจากจะทำให้เห็นว่าพระองค์ไม่มีวันเกษียณแล้ว ยังเป็นเสมือนเครื่องเตือนคนไทยว่าจะช่วยสานงานและพระราชปณิธานของพระองค์ให้สำเร็จต่อได้เพียงใด
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร