การกวาดล้างต่างชาติที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินกว่ากฎหมายกำหนด หรือ OVER STAY ในพื้นที่จรัญสนิทวงศ์ 12 เขตบางกอกใหญ่ พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมชาวปากีสถานรวม 57 คน ในความผิดเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จำนวน 52 คน และเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต 5 คน ทั้งหมดจะต้องถูกขึ้นบัญชีต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาคนละ 10 ปี นอกจากนี้ ยังเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายชาน ปาทาส กับนายจอห์น เอคิบ ชาวปากีสถาน ที่ทำหน้าที่เป็นเอเย่นต์ มีพฤติการณ์อำนวยความสะดวก และมีส่วนรู้เห็นพาชาวปากีสถานกลุ่มเหล่านี้เข้ามาพักในประเทศไทย เพื่อเดินทางไปประเทศที่ 3 โดยตำรวจยึดหนังสือเดินทางได้หลายรายการ และยังมีหลักฐานบทสนทนาทางแอพพลิเคชั่นไลน์ในการนัดแนะกันภายในกลุ่ม จึงรวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐาน

สำหรับสถิติการตรวจค้นจับกุมต่างชาติที่อยู่เกินกำหนด ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม จนถึงปัจจุบัน ตำรวจจับกุมและผลักดันออกนอกประเทศไปแล้วกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย ปากีสถาน และชาวต่างชาติผิวสี มักจะอ้างว่าเข้ามาประกอบอาชีพ นักฟุตบอล, บาทหลวง ครูโรงเรียนนานาชาติ พร้อมยอมรับว่า ตัวเลขต่างชาติอยู่เกินกำหนดมีเกือบ 50,000 คน แต่ต้องคัดกรองข้อมูลอย่างละเอียด เนื่องจากบางส่วนอาจจะมีการขออนุญาตเข้าประเทศ เป็นแบบใบผ่านแดน ขณะที่บางส่วนอาจเข้ามาโดยผิดกฏหมาย จึงทำให้ข้อมูลตัวเลขยังไม่แน่นอน แต่ได้สั่งการให้เทคโนโลยีสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไปตรวจสอบแล้ว
พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ กล่าวว่า มาตรการการตรวจค้นจะเน้นตามแหล่งที่พัก คอนโดมิเนียม หอพัก ทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ที่มีชาวต่างชาติ เช่น ห้วยขวาง ถนนข้าวสาร พัทยา และจังหวัดสงขลา โดยตั้งเป้าไว้ภายใน 1 เดือนนี้จะกวาดล้างต่างชาติอยู่เกินกำหนดและผลักดันออกนอกประเทศให้เสร็จสิ้น นอกจากนี้ ต่างด้าวที่สำนักงานตำรวจคนเข้าเมืองกักไว้ จะเร่งดำเนินการทางคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว หากรายใดดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จะประสานสถานทูตเพื่อส่งตัวกลับประเทศต้นทาง ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักสิทธิมนุษยชน
ผู้สื่อข่าว : ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ