นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ เข้ายื่นเอกสารหลักฐานกับร้อยตำรวจเอกไพรัตน์ เทศพานิช เลขานุการกรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ของกลุ่มขบวนการที่ทุจริตเงินสนับสนุนคนพิการตามมาตรา 33 และ 35 จำนวน 8 คน ที่เตรียมลงเล่นการเมืองแบ่งเป็นคนพิการ 5 คนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ 3 คน ที่มีการจัดการอบรมโครงการต่างๆ ให้แก่ผู้พิการ โดยการนำเงินสนับสนุนจากสถานประกอบการภาคเอกชนมาจัดอบรม แต่การอบรมไม่เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติกำหนด ที่ว่าจะต้องจัดอบรมจำนวน 6 เดือนในหลักสูตรต่างๆ แต่กลับจัดอบรมแค่ 3 เดือน ซึ่งมีการจัดอบรม และทำผิดข้อกำหนดมาแล้วหลายครั้งในหลายจังหวัด โดยมูลค่าเงินที่ทุจริตมีมากกว่า 130 ล้านบาท ไม่ใช่ 14 ล้านบาทตามที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงแรงงาน แถลงไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้กลุ่มคนพิการไม่ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงและอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ

ก่อนหน้านี้เคยมีการร้องเรียนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้รับเป็นคดีพิเศษ แต่กลับส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ซึ่งเมื่อปี 2559 มีการตรวจสอบพบทุจริตแต่กลับไม่มีการดำเนินคดีหรือเอาผิดกลับบุคคลใด และเคยมีการตรวจสอบพบการทุจริตละเมิดไปแล้วใน 15 จังหวัด โดยหลังจากนี้จะมีผู้พิการอีกว่า 40 คนที่ถูกละเมิด จะมาร้องเรียนยังเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ และนายปรีดา จะนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ไปยื่นให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาค ให้ตรวจสอบข้าราชการที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่นายณัฐพล ลาภเกิน ประทานชมรมส่งเสริมอาชีพคนพิการ จังหวัดอยุธยา ที่ออกมาคัดค้านการเคลื่อนไหวของนายปรีดา และได้ไปร้องศาลอาญา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในข้อหาแจ้งความเท็จ เพราะเห็นว่านายปรีดา ในฐานะที่เป็นประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ว่า อาจจะรู้เห็นถึงการทุจริตค่าอบรมคนพิการล้างเครื่องปรับอากาศ โดยก่อนทำสัญญามีการระบุว่าจะให้ค่าตอบแทนคนละ 1 หมื่นบาท แต่กลับไม่มีการจ่ายเงินตามที่สัญญาไว้ และมีการร้องเรียนไปยังกรมจัดหางาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้ตรวจสอบนายปรีดาอีกด้วย
...
ผสข.ปภาดา พูลสุข