ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สถาบันโนเบลแห่งนอร์เวย์ ผู้พิจารณารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แถลงว่าคณะกรรมการได้มอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2018 ให้กับนายแพทย์เดนิส มุคเวเก ชาวคองโกวัย 63 ปี และน.ส.นาเดีย มุราด อายุ 25 ปี นักสิทธิมนุษยชนชาวยาซิดีของอิรัก จากผลงานคือการรณรงค์ให้มีการยุติการใช้ความรุนแรงทางเพศเป็นหนึ่งในอาวุธของการทำสงครามในพื้นที่ที่มีการสู้รบ
สำหรับนายแพทย์มุคเวเก ของคองโก รณรงค์ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ เพื่อไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงทางเพศในพื้นที่สงครามและพื้นที่สู้รบ ที่ผ่านมาเขาวิจารณ์รัฐบาลคองโกและรัฐบาลอื่นๆว่าไม่ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหานี้
นายแพทย์มุคเวเก เป็นศัลยแพทย์ชาวคองโก เป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการโรงพยาบาลพานซีในเมืองบูกาวู คองโก เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือสตรีหลายพันคนที่ถูกข่มขืนในพื้นที่สงครามของคองโก โดยเฉพาะการรักษาแผลทะลุในช่องคลอดที่เป็นผลมาจากการถูกรุมข่มขืน พร้อมทั้งให้คำปรึกษาทางด้านจิตใจแก่ผู้เสียหาย ที่ผ่านมาหลายคนเรียกศัลยแพทย์คนนี้ว่าเป็นหมอที่อาสามาทำหน้าที่ซ่อมแซมสุขภาพให้กับสตรี
สำหรับน.ส.มุราด เป็นคนรณรงค์ในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เธอเป็นหนึ่งในสตรีชาวยาซิดี 3,000 คนที่ตกเป็นเหยื่อของการถูกข่มขืนและการล่วงละเมิดทางเพศของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ในอิรักในช่วงที่กลุ่มไอเอสบุกยึดเมืองสำคัญๆหลายเมืองของอิรักเมื่อปี 2557
เมื่อปี 2559 น.ส. มุราด เคยเข้าไปให้ข้อมูลเรื่องนี้ต่อที่ประชุมสภาคองเกรสสหรัฐฯ ระบุว่ามารดาและน้องชายอีก 6 คนถูกกลุ่มไอเอส ฆ่าตายทั้งหมดในวันเดียวกัน แต่เธอสามารถหลบหนีจากเมืองโมซุลของอิรัก ได้โดยได้รับความช่วยเหลือจากชาวมุสลิมครอบครัวหนึ่ง ช่วยทำหนังสือเดินทางปลอมให้กับเธอ จนสามารถหลบหนีออกจากพื้นที่ ในความยึดครองของกลุ่มไอเอสได้สำเร็จ นอกจากนี้ น.ส. มุราด เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯปราบปรามกลุ่มไอเอสให้หมดไปจากอิรัก
ทีมต่างประเทศ
CR:nobel,www.theguardian.com.