หลังมีกระแสข่าวนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมเก็บของลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หลังเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค นายกอบศักดิ์ปฏิเสธว่า เรื่องเก็บของไม่เป็นความจริง มีแต่งานหนักขึ้นเรื่อยๆ และไม่รู้จะดำเนินการทันหรือไม่ ขณะนี้ได้วางแผนการทำงานพร้อมมอบหมายงานกับคณะทำงาน โดยตั้งเป้าให้โครงการที่รับผิดชอบทั้งหมด เสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน ถือเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะเตรียมลาออกจากตำแหน่ง และคาดว่า อีก 3 รัฐมนตรีก็จะลาออกพร้อมกัน ทั้งนี้เมื่อถึงเวลาต้องออกจากตำแหน่ง แต่งานที่ค้างอยู่ยังไม่เสร็จ ก็ต้องทำใจ แน่นอนว่าต้องมีคนมารักษาการแทน เพื่อสานต่องานที่ค้างอยู่ ยอมรับความกดดันตอนนี้มีเพียงการทำงาน เพราะอยากให้โครงการที่รับผิดชอบ เกิดขึ้นในระยะเวลาที่เหลือ เพราะเชื่อมั่นว่าหากโครงการเหล่านี้สำเร็จจริง ประเทศไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ส่วนจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ให้ไปถามพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ส่วนกระแสข่าวว่า ถูกกดดันจากคณะรัฐมนตรี และจะมีฝ่ายคนในกองทัพเข้ามานั่งในตำแหน่งแทน นายกอบศักดิ์กล่าวว่า มีเพียงการกดดันจากพรรคการเมือง ย้ำอีกครั้งว่า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จะออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีทันที เพราะทราบว่าพรรคการเมืองกดดันเรื่องนี้มาก และหวังว่าเมื่อลาออกจากตำแหน่งแล้ว ทุกพรรคการเมืองจะยึดมาตรฐานนี้เช่นกัน ยอมรับลงสนามการเมืองครั้งนี้ เป็นครั้งแรก ตื่นเต้น เพราะเป็นมือใหม่ แต่ก็ถูกรับน้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นประสบการณ์
ขณะเดียวกันยังมีเวลาเหลือที่จะเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น พร้อมกล่าวว่า กังวลจะถูกพรรคการเมืองอื่นแซะ เพราะทุกวันนี้ก็โดนอยู่แล้ว มองเป็นเรื่องปกติของการเมือง แต่ก็มีหลายคนมองต่างจากพรรคการเมืองและเข้าใจในสิ่งที่ทำอยู่ว่า เพื่อประโยชน์ของประชาชน สิ่งสำคัญต้องรู้ว่าทำอะไรและทำเพื่อใคร
นายกอบศักดิ์ ขอไม่ตอบโต้พรรคการเมือง หากเรื่องใดมีสาระ จะรับมาเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่อะไรที่ไม่มีสาระ ขอทำหน้าที่ตัวเองเพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป เพราะประชาชนยังรอคนที่จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือในความทุกข์ร้อน ซึ่งตัวเองทำงานอย่างเต็มที่และมีความสุขที่ได้ทำ เพราะทำแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย นอกจากนี้ยังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดี เมื่อทราบว่าจะลงเล่นการเมือง และหากต้องลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อใด ก็จะแจ้งต่อนายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรีให้ทราบ