+++กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า เมื่อเวลา 03.34 น. เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 3.5 ระดับความลึก 10 กม. ในประเทศเมียนมา มีจุดศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 254 กม. ยังไม่มีรายงานความเสียหาย
+++นายอะฮ์มัด รุซดี (Mr. Ahmad Rusdi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อรับมอบเงินช่วยเหลือกรณีเหตุแผ่นดินไหว เกาะสุลาเวสี อินโดนีเซีย ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
+++กระทรวงการต่างประเทศ จะจัดพิธีส่งมอบ – รับมอบโบราณวัตถุจากสหรัฐฯ กลับคืนสู่ประเทศไทย โดยมีนางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นผู้ส่งมอบ และนายประทีป เพ็งตะโก รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ โบราณวัตถุดังกล่าวได้รับมอบจากชาวอเมริกันที่ประสงค์จะคืนโบราณวัตถุให้แก่รัฐบาลไทยผ่านสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน มีจำนวน 12 รายการ ประกอบด้วย ภาชนะดินเผา ลูกกลิ้งดินเผา และกำไลสำริด ซึ่งเป็นโบราณวัตถุยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุแตกต่างกันไป ตั้งแต่อายุประมาณ 1,800 – 2,300 ปี ไปจนถึงประมาณ 3,000 – 4,300 ปี
+++เวลา 09.30 น.นายกฯ ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 4/2561 ณ ตึกภักดีบดินทร์
+++ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพุธ พบว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 กันยายน เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาร์เรล เป็นสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2018
+++ราคาน้ำมัน ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลต่อกรณีที่สหรัฐฯจะกลับมาคว่ำบาตรอิหร่าน ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโอเปก ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้า ท่ามกลางคาดหมายว่าโอเปกคงไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อชดเชยอุปทานที่ขาดหายไปของอิหร่าน
+++นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอ้างอิงตลาดน้ำมันเบรนต์ ปรับขึ้นไปสูงกว่า 85 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 60 สตางค์/ลิตร จากกำหนดไว้สูงสุดไม่เกิน 1 บาท/ลิตร เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร จนถึงสิ้นปีนี้
+++ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลกระยะสั้นจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับดังกล่าวไปจนถึงต้นปีหน้า และหากเป็นไปตามนักวิเคราะห์ประเมินมีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 90-100 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากกังวลมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯที่จะมีผลใน วันที่ 4 พ.ย.นี้ แต่ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อน และ 1 สัปดาห์หลังจากวันที่ 4 พ.ย. คาดว่าจะเป็นช่วงที่ราคาอ่อนไหวมาก
+++นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ได้ปรับประมาณการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นจาก 69.2 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เป็น 70.3 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากราคาน้ำมัน ปรับขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากราคาสูงขึ้นจนแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล จะเริ่มน่าเป็นห่วงผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
+++ทุกประเทศทั่วโลก ต่างจับตาว่าราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจะกระทบเศรษฐกิจโลกมากน้อยเพียงใด แต่ในขณะนี้ยังให้ น้ำหนักนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯกับจีน เป็นความเสี่ยงหลักอันดับ 1 และที่ผ่านมาราคาน้ำมันทรงตัวบ้าง เพราะมีเชลล์ออยล์คอยฉุดเอาไว้ไม่ให้สูงมาก
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดาวโจนส์ ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล 2 วันติด จากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ รวมถึงการจ้างงานและความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 54.45 จุด ปิดที่ 26,828.39 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 2.08 จุด ปิดที่ 2,925.51 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 25.54 จุด ปิดที่ 8,025.09 จุด ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯเพิ่มขึ้นถึง 2 แสน 30,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จากระดับ 1 แสน 68,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม
+++สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานคาดการณ์แนวโน้มทางบวกในฤดูกาลจับจ่ายช่วงวันหยุด คาดว่า น่าจะเติบโตจากร้อยละ 4.3 ในปีที่แล้ว เป็นร้อยละ 4.8 ในปีนี้ อ้างถึงปัจจัยต่างๆทั้งระดับการจ้างงานที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นผู้บริโภค
+++ราคาทองคำในวันพุธ ปิดลบเล็กน้อย หลังดอลลาร์สหรัฐฯพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 4.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,202.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ในวันนี้ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 เปิดเผยว่า จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จำนวน 12 ฉบับ จะเป็นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการปกครองส่วนท้องถิ่น 6 ฉบับ ในวาระรับหลักการวาระแรก เบื้องต้นมีความเห็นตรงกันว่าจะเปิดโอกาสให้สมาชิกสนช.อภิปรายไปในคราวเดียวกัน แต่จะลงมติแยกเป็นรายฉบับ จากนั้น จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาออกเป็น 3 คณะ และให้ สนช.สามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ภายใน 60 วัน ขณะนี้ มีสมาชิก สนช.ลาออกจากตำแหน่ง 2 คน ทำให้เหลือสมาชิก สนช. 243 คน แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานในภาพรวมต้องพิจารณากฎหมาย
+++เช้านี้ ศาลแขวงดอนเมือง ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ นัดอ่านคำพิพากษา คดีฉ้อโกงเครื่องตรวจจับอาวุธ GT 200 หมายเลขดำ อ.133/61 ที่อัยการสำนักงานอัยการพิเศษศาลแขวง 1 (ดอนเมือง ) เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ ผู้บริหาร กับพวกอีก 2 คน เป็นจำเลยที่ 1-4 ฐาน ฉ้อโกงทรัพย์ กรณีสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หรือ CIFS ผู้เสียหาย ได้จัดซื้อเครื่องตรวจจับอาวุธและวัตถุระเบิด GT 200 แต่ไม่สามารถใช้การได้ ทำให้ได้รับความเสียหาย จำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
+++ก่อนหน้านี้ ศาลแขวงดอนเมือง พิพากษาให้จำคุกนายสุทธิวัฒน์ ผู้บริหารเป็นเวลา 9 ปี ปรับบริษัทเอวิเอฯ จำนวน 18,000 บาท ฐานฉ้อโกง เนื่องจากจำหน่ายเครื่องตรวจจับอาวุธ และวัตถุระเบิด GT 200 ให้กับกองทัพบกและเครื่องไม่ได้มาตรฐาน
+++เวลา 11.00 น. พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร รรท.ผบช.ภ.1 เดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในตำรวจภูธรภาค 1 เนื่องในโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบช.ภ.1 โดยจะมีการสักการะ วิหารพระพุทธโสธร ศาลพระภูมิเจ้าที่ และรูปพล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ หลังจากนั้น ช่วงบ่ายมีพิธีรับ-มอบหน้าที่ ผบช.ภ.1 พร้อมให้แนวทางการปฏิบัติราชการกับข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.1
+++จุดเทียนแสดงพลังติดตามคดีเสือดำ วันสัตว์โลก เพจเฟสบุ๊ก T’Challa พิทักษ์ เสือดำ เฉพาะกิจ โพสต์ข้อความแจ้งว่า 4 ตุลา วันสัตว์โลก (World Animal Day) กลุ่ม T'Challa พิทักษ์เสือดำ ขอเชิญชวนผู้มีใจรักสัตว์และรักความเป็นธรรม ร่วมจุดเทียนรำลึก เสือดำ ณ ลานหน้า หอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพฯ เวลา 18.00-19.00 น.เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ว่า เสือดำ จะต้องไม่ตายฟรี แม้คดีความจะเข้าสู่กระบวนการในศาลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังวางใจอะไรไม่ได้ เพราะคนฆ่าเสือดำ ยังมีอำนาจเหนือรัฐและยังลอยนวลไม่สำนึกผิด
+++เฟซบุ๊ก พลสิทธิ์ เลิศนภาพงศ์ โต้งเมฆา โพสต์คลิปวีดีโอ รถตู้กำลังขับหลบหนีวิ่งขึ้นบนทางด่วน โดยพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ที่หน้าด่านเก็บเงินลากไปไกลหลายสิบเมตร ใครเจอช่วยแจ้งด้วย รถตู้ทะเบียน ฮล 7857 กทม. ป้ายฟ้า ต่อมา ร.ต.อ.หญิง มุจลินท์ ตั้งหลักดี รอง สว.(สอบสวน) งานศูนย์ควบคุมจราจร สน.ทางด่วน 2 รับแจ้งเหตุมีรถจักรยานยนต์ ขับขึ้นบนทางพิเศษศรีรัช บริเวณด่านพระรามเก้า ขาออก ด้านถนนพระรามเก้าขาออก แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ ที่ทางขึ้นด่านเก็บเงิน พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า แอร์ร็อค หมายเลขทะเบียน 7 กอ 7854 กรุงเทพมหานคร จอดล้มอยู่ใกล้กันพบนายศุกล เครือแสน อายุ 22 ปี พนักงานขับรถพยาบาลโรงพยาบาลปิยะเวท ได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลถลอกที่แขนซ้าย ก่อนจะพาตัวปฐมพยาบาล
+++นายศุกล กล่าวว่า เมื่อช่วง 22.00 น. ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับแฟนที่ย่านเพลินจิต ก่อนจะขับรถกลับมาที่โรงพยาบาล โดยขณะขับมาตามเส้นทางถนนวิทยุ รถตู้สีขาว ได้ขับปาดหน้า จึงบีบแตรไป จากนั้นเมื่อขับมาตามเส้นทางถึงแยกพระรามเก้า รถคู่กรณีที่ขับตามมาได้จอดรถ ก่อนจะลงมาถีบรถจักรยานยนต์และมีปากเสียงก่อนจะชกต่อยกัน จนพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ต้องช่วยกันแยกย้าย จากนั้นตำรวจจราจรบริเวณใกล้เคียงเข้ามาช่วยระงับเหตุ
+++น.ส.พินยุดา แจ่มจันทร์ศรี อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ศูนย์ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กระทรวงยุติธรรม เกาหลีใต้ ได้ออกประกาศให้แรงงานต่างด้าว ที่ทำผิดกฎหมายกลับประเทศของตัวเองได้โดยสมัครใจ ตั้งแต่ตุลาคม 2561-31 มีนาคม 2562 โดยทางการเกาหลีใต้ จะไม่ส่งรายชื่อให้ทางราชการ ไม่มีการขึ้นแบล็กลิสต์ และให้โอกาสกลับมาทำงานอย่างถูกกฎหมายได้ แต่หากไม่กลับประเทศ แล้วถูกจับกุม จะถูกส่งตัวกลับ และห้ามเข้าประเทศเกาหลีใต้นานถึง 10 ปี ซึ่งเป็นโทษสูงสุด ซึ่งหลังจากมีข่าวนี้ออกไป มีแรงงานไทยติดต่อสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก
+++สำหรับผู้ที่สมัครใจเดินทางกลับ สามารถนำตั๋วเครื่องบินและหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุไปแสดงตนที่สำนักงานงานตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินหรือท่าเรือ โดยต้องมาถึงก่อนออกเดินทางอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ซึ่งจะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ อีก
+++ปัจจุบัน แรงงานไทยที่หลบหนีเข้าเมืองเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย มีจำนวนประมาณ 3 แสน 35,455 คน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ เพิ่มขึ้นประมาณ 87,000 คนต่อปี เพราะค่าจ้างสูงกว่าไทยมาก เช่น คนไทยได้ค่าแรงขั้นต่ำ 310 บาทต่อวัน แต่ที่เกาหลีคิดเป็นรายชั่วโมง คือ 225 บาทต่อ ชม. แรงงานไทยที่ถูกกฎหมายที่มีอยู่ประมาณ 25,000 คน
แฟ้มภาพ