หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในประเทศอินโดนีเซีย พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ กรมกิจการพลเรือนทหาร ในฐานะโฆษกกองทัพไทย เปิดเผยว่า กองทัพได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือ ด้านต่างๆทั้งเครื่องมือแพทย์, อุปกรณ์ให้การช่วยเหลือ และกำลังพลไว้รอพร้อมเต็มที่แม้จะยังไม่มีการร้องขอมา โดยหากได้รับการประสานมา ก็สามารถให้การช่วยเหลือได้ทันที ได้ประสานกับผู้ช่วยทูตทหารไทยที่อินโดนีเซียเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยังมีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทยคอยติดตามสถานการณ์ด้วย โดยกองทัพจะยึดนโยบายรัฐบาลเป็นหลักในการให้ความช่วยเหลือ
สำหรับ ในช่วงเช้าวันนี้พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.) ได้เข้าประชุมหัวหน้าส่วนราชการ กองบัญชาการกองทัพไทยเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งผบ.ทสส.คนใหม่ เพื่อมอบนโยบายการทำงาน โดยพล.อ.พรพิพัฒน์ ได้มอบนโยบายการทำงานของกองทัพว่าจะต้องยึดตามหลักยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมได้มอบนโยบายอีก 5 ด้าน ได้แก่ นโยบายด้านการพิทักษ์รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น ผ่านการฝีกร่วมหน่วยทหารรักษาพระองค์, โครงการจิตอาสาพระราชทาน นโยบายด้านการป้องกันประเทศ, นโยบายด้านการรักษาความมั่นคงของรัฐ ที่เน้นแก้ไขปัญหาต่างๆในสังคม เช่น ปัญหายาเสพติด, ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนนโยบายด้านการเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารกับต่างประเทศ โดยปี 2562 กองทัพไทย มีแผนส่งเสริมความร่วมมือทางทหารกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศมหาอำนาจผ่านกรอบพหุภาคีและทวิภาคี โดยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและการฝึกหลายโครงการ เช่น การฝึกคอบร้าโกลด์ ยืนยันว่า กองทัพจะสนับสนุนรัฐบาลไทยในการทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนในปีหน้า, และนโยบายด้านสุดท้ายคือ ด้านการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคงและการช่วยเหลือประชาชน โดยการประชุมวันนี้ไม่มีการพูดถึงการวางตัวของทหารและการติดตามกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงใกล้เลือกตั้ง โดยทางผบ.ทสส.ได้สั่งแต่นโยบายการทำงานเท่านั้น
นอกจากนั้น ผบ.ทสส.ยังได้แต่งตั้งพล.ต.กฤษณ์ ให้เป็นโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และแต่งตั้งนาวาเอกสุรสันต์ คงสิริ และพ.อ.หญิง ฉัตรรพี พูนศรี เป็นรองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทยด้วย
โดยพ.อ.หญิง ฉัตรรพี ในฐานะรองโฆษกกองทัพไทย ระบุว่า ผบ.ทสส.ได้เน้นให้หน่วยทหารช่วยยกระดับการพัฒนาชีวิตของประชาชน และสนับสนุนการทำบิ๊กดาต้าของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเน้นระเบียบวินัยของทหารด้วย