ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น. ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2561

03 ตุลาคม 2561, 06:46น.


+++กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่าภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ ในช่วงวันที่ 3-6 ตุลาคม 2561 ร่องมรสุมเลื่อนมาพาดผ่านภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง



+++คืนวันที่ 1 ตุลาคม ฝนตกหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมง นายจำนง สวัสดิ์วงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วยหมู่ 10 บ้านเขาสามยอด ต.บ้านเสด็จ อ.เคียนซา ราษฎรได้รับผลกระทบ 3 ครัวเรือน หมู่ 5 บ้านถ้ำผึ้ง ต.ต้นยวน อ.พนม นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี สั่งการด่วนให้นายอำเภอทุกพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. และท้องถิ่น ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ ที่หมู่ 8 บ้านถ้ำครอบน้ำ ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง ประชาชนได้รับผลกระทบ 7 ครัวเรือน มีผู้ถูกกระแสน้ำพัดเสียชีวิต 1 คน ชื่อนายอรุณรัตน์ เพชรรัตน์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 163 หมู่ 8 บ้านถ้ำครอบน้ำ อ.พระแสง ล่าสุดฝนหยุดตกระดับน้ำลดลงแล้ว



+++ส่วนที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวานนี้ เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมผิวจราจรและบ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะหน้ามัสยิดบ้านกมลา บ้านบางหวาน, บ้านหัวควน, หน้า อบต.กมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต น้ำป่าไหลทะลักลงจากภูเขากมลา เข้าท่วมถนน ก่อนไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน นอกจากนี้ ถนนเส้นหาดป่าตอง-หาดกมลา มีน้ำท่วมผิวจราจรหลายจุด ประชาชนและนักท่องเที่ยว ต้องไปใช้เส้นถนนเทพกระษัตรี ผ่านอนุสาวรีย์ เข้า ต.เชิงทะเล อ.ถลาง แทน



+++ช่วงวันที่ 3-7 ตุลาคม 2561 ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนลดลง อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง 



+++กรมอุตุนิยมวิทยา พบสัญญาณมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน กำลังจะแผ่อิทธิพลปกคลุมประเทศไทย ตอนบนซึ่งจะทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองหนักช่วงกลางเดือนนี้ ที่เรียกว่า ฝนสั่งฟ้า ก่อนที่อุณหภูมิจะลดลงเข้าสู่ฤดูหนาว คาดว่าปีนี้อุณหภูมิจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ในช่วงหนาวสุดของปีอยู่ที่ประมาณกลางเดือนธันวาคม-ต้นเดือนมกราคม อุณหภูมิจะลดลงเป็นเลขตัวเดียว และเกิดน้ำค้างแข็งได้บ่อยครั้ง



+++ในพื้นที่กรุงเทพฯ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกรมทางหลวง ลงพื้นที่ตรวจสอบระบบระบายน้ำ 4 จุด ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ประกอบด้วย 1.สถานีสูบน้ำอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ ถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก 2.ซอยงามวงศ์วาน 47 (ชินเขต) ถนนงามวงศ์วาน เขตหลักสี่ 3.พื้นที่ก่อสร้างสกายวอล์ก สถานีรถไฟฟ้าทุ่งสองห้อง ซอยวิภาวดีรังสิต 54 และ 4.พื้นที่ก่อสร้างสกายวอล์ก สถานีรถไฟฟ้าวัดเสมียนนารี ซอยวิภาวดีรังสิต 44 เขตจตุจักร 



+++พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กทม.ห่วงสถานการณ์ฝนและปัญหาจราจรติดขัดบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต จึงประสานกับกรมทางหลวง รฟท. ร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้ถนนวิภาวดีฯ เป็นพื้นที่รับผิดชอบของกรมทางหลวง กทม.ก็ดูแลระบบระบายน้ำบริเวณคูน้ำตามแนวถนน ขณะเดียวกัน ปัจจุบันถนนวิภาวดีฯ เป็นจุดก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงของ รฟท. การจัดทำสถานีรถไฟฟ้าจำเป็นต้องก่อสร้างทางขึ้น-ลงสถานี จึงมีโครงสร้างกีดขวางทางระบายน้ำตามแนวถนน รวม 16 จุด ครอบคลุมพื้นที่เขตจตุจักร หลักสี่ และดอนเมือง ล่าสุดผู้รับเหมาแก้ไขแล้วเสร็จ 10 จุด แต่พบว่ามีตอม่อปักลงคูน้ำ ปิดทางน้ำไหลช่วงถนนวิภาวดีฯ ฝั่งขาเข้า รวม 3 จุด คือ สถานีบางเขน สถานีทุ่งสองห้อง และสถานีวัดเสมียนนารี ทำให้น้ำไม่สามารถระบายลงสู่สถานีสูบน้ำอุโมงค์ระบายน้ำคลองบางซื่อได้เต็มประสิทธิภาพ



+++พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า รฟท.จะแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน 1.ขุดท่อระบายน้ำลอดขนาด 2.10 เมตร (ม.) ใต้ถนนที่ตอม่อขวางทางระบายน้ำ ไปยังถนนวิภาวดีฯ ฝั่งขาออก และ 2.ขุดลอกคูน้ำตามแนวถนนให้ลึก 2-3 ม. เพราะมีเศษวัสดุก่อสร้างโคลนทับถมท้องคลองจนตื้นเหลือ 1 ม.



+++จุดอ่อนน้ำท่วม บริเวณซอยชินเขต สั่งการให้สำนักการโยธา และสำนักการระบายน้ำ ปรับผิวจราจรและยกระดับทางเท้าให้สูงขึ้นเป็น 1.5 ม. เพื่อป้องกันน้ำท่วมซ้ำซาก คาดไม่เกินเดือนพฤศจิกายน จะแล้วเสร็จ



+++เช้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปตรวจราชการจังหวัดลำพูน นายกฯ เยี่ยมชมเส้นทางการท่องเที่ยวเมืองรองจังหวัดลำพูน ตามโครงการไทยเที่ยวไทย .... ไทยยั่งยืน ไปยังอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี (องค์ปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญชัย) วัดมหาวันวรมหาวิหาร  กู่ช้าง-กู่ม้า (สุสานช้างศึก – ม้าศึกคู่บารมี ของพระนางจามเทวี)  วัดพระธาตุหริภุญไชยวรมหาวิหาร เยี่ยมชมลานวัฒนธรรม หมู่บ้าน OTOP นวัตวิถี การแสดงของเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ของจังหวัดลำพูน การจัดการแสดงหมู่บ้านคนมอญ และกิจกรรมชุมชนคุณธรรม  ส่วนช่วงบ่าย นายกฯ เยี่ยมชมชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองเงือก เพื่อร่วมประกาศ “ลำพูนเมือง สะอาดปราศจากโฟม (NO Foam)” ร่วมกับชาวลำพูน เยี่ยมชมการจัดการขยะมูลฝอย จังหวัดปลอดขยะเปียก



+++การเปิดโครงการสนับสนุนท่องเที่ยวเมืองรอง ที่จังหวัดลำพูน เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวนำรายจ่ายจากการท่องเที่ยวเมืองรองจนถึงสิ้นปีนี้มาเป็นรายจ่ายขอหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท จะใช้เป็นต้นแบบการท่องเที่ยวในจังหวัดอื่น ที่เป็นความร่วมมือของ 4 รัฐวิสาหกิจ ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บริษัท การบินไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) และ ธนาคารกรุงไทย ที่มียุทธศาสตร์สนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ซึ่งการท่องเที่ยวเมืองรองเป็นหนึ่งในเป้าหมายของรัฐบาล



+++นายกฯกล่าวถึงภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)  บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.)  และฝ่ายความมั่นคง เข้มงวดในมาตรการดูแลความปลอดภัย   ล่าสุดได้ลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งให้ออกและพักราชการ  หลังจากนี้จะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง



+++ส่วนประเด็นการเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ในการทำวีซ่า ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการแก้ไขแล้ว  จะต้องไม่มีการเรียกรับสินบนเด็ดขาด  กำชับว่า หากตรวจสอบพบการกระทำผิด จะไล่ออกทันที



+++แนวทางแก้ไขปัญหารถตู้สาธารณะ ที่ไม่อนุญาตให้รถตู้อายุเกิน 10 ปีให้บริการ แต่ผู้ประกอบการไม่ยอมเปลี่ยนไปใช้มินิบัสวิ่งข้ามจังหวัด มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางบก ไปพูดคุยหารือให้ได้ข้อสรุปว่าควรดำเนินการอย่างไร ทั้งในส่วนของผู้โดยสาร ผู้ประกอบการ และเส้นทางจราจร  รวมถึง บริการของรัฐ เนื่องจาก กฏหมายมีผลบังคับใช้แล้ว ต้องหามาตรการที่เหมาะสม 



แฟ้มภาพ 



CR:www.prbangkok.com.



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X