การจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนที่ฉ้อโกงเงิน และหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย มูลค่าความเสียหายกว่า 5,470ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 27,350 ล้านบาท พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจับกุมนายกู่ เทียนหลง ,นายหวัง เจียนจุน, นางสาวชู หลิงเหม่ย ,นายหนอง ไข่หมิง หลังได้รับการอนุญาตของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้เปิดบริษัทระดมทุนทางการเงิน ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มีพฤติการณ์เปิดให้ระดมทุน จนมีชาวจีนหลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากเห็นว่าเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล และได้รับเงินปันผล กำไร ดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าบริษัทอื่นๆ แต่เมื่อได้รับเงินลงทุนจากผู้เสียหาย ผู้ต้องหาได้ทำการฉ้อโกงเงินและหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ทำให้ทางการจีนต้องการตัวผู้ต้องหาเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผู้เสียหายนับแสนคนและมีการประท้วงในหลายมณฑลของจีน จึงได้ประสานตำรวจไทย จนสามารถจับกุมตัวได้ทั้งหมด หลังจากนี้จะส่งตัวให้ทางการจีนดำเนินคดีต่อไป
ส่วนที่ผู้ต้องหาบางราย ใช้หนังสือวีซ่าของเมียนมาเข้ามาในประเทศไทย เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เนื่องจากหากใช้หนังสือวีซ่าของจีน เจ้าหน้าที่ จะทราบทันทีว่าเป็นบุคคลที่ตำรวจกำลังติดตามตัว พร้อมกันนี้ ได้มีการตรวจสอบว่า เจ้าหน้าที่ไทยและเมียนมา มีส่วนรู้เห็นในการออกหนังสือวีซ่าให้ผู้ต้องหาหรือไม่ เบื้องต้น จากการตรวจสอบยังไม่พบ ยืนยันว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ร่วมกันทำหนังสือวีซ่าปลอม ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลไปถึงผู้ร่วมขบวนการ
นอกจากนี้ ตำรวจยังจับกุมนายกึนโฮ โช สัญชาติเกาหลีใต้ ที่หนีหมายจับคดีข่มขืนและทำร้ายร่างกายจากประเทศเกาหลีใต้มากบดานอยู่ในประเทศไทยได้อีกหนึ่งรายด้วย จากการตรวจสอบมีประวัติเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายและข่มขืน ที่ประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 7 ครั้ง และเป็นผู้ต้องหาที่ทางการเกาหลีต้องการตัวเป็นอย่างมาก ก่อนหลบหนีมาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 จนตำรวจได้สืบทราบว่านายกึนโฮ พักอยู่แถวแขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. จึงวางแผนเข้าจับกุม โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมและก่อเหตุร้ายอันเกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน เบื้องต้นได้เพิกถอนการอนุญาตเข้าในราชอาณาจักร พร้อมทั้งส่งตัวให้ทางการประเทศเกาหลีใต้ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าว: ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ