กรณีค่าโง่ทางด่วนสองเส้นทางคือ ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) จ่ายเงินชดเชยให้บริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด พร้อมดอกเบี้ยรวม 4,000 ล้านบาท และทางด่วนสายดอนเมืองโทลล์เวย์ ที่รัฐบาลเพิ่งมีมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อเดือนมิถุนายน ให้ชดใช้ค่าเสียหายวงเงินรวม 1,200 ล้านบาท ให้แก่บริษัท วอเตอร์ บาว เอจี ตามคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ทั้งสองคดีนี้มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องอยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งทั้งสองคนจะต้องรับผิดชอบ โดยเตรียมจะเปิดเผยความเกี่ยวข้องของรองนายกฯทั้งสองคนกับคดีในเร็วๆนี้ เนื่องจากมีข้อมูลหลักฐานการทุจริตและความเชื่อมโยงของบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องในคดี พร้อมเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจพิเศษรื้อฟื้นคดีทั้งสองเพื่อหาผู้เกี่ยวข้องทั้งในภาครัฐและเอกชนมาลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา รวมทั้งยึดทรัพย์สินผู้กระทำผิดมาชดใช้ค่าเสียหายคืนให้ประเทศด้วย
นายชาญชัย ระบุว่า ทั้งสองคดีคล้ายกันคือ การทำสัญญาไม่มีความเป็นธรรม และเอกชนเป็นผู้ชนะรัฐ ทำให้เห็นถึงการที่เอกชนมีอำนาจเหนือรัฐ อนาคตจึงน่าเป็นห่วงหลังรัฐเปิดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในอีอีซี เพราะหากจะมีการสร้างถนนหรือโครงสร้างพื้นฐานก็จะทำให้เกิดข้อกังวลว่าจะเกิดข้อพิพาทลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีกหรือไม่
สำหรับคดีทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต เกิดจาก กทพ.สร้างทางยกระดับดังกล่าวเพื่อรองรับการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ในเวลานั้น แต่ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาว่าทำให้บริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด ที่มีทางยกระดับอยู่ก่อนหน้าขาดรายได้ที่ควรได้ จึงนำมาสู่การเรียกค่าเสียหาย
ส่วนทางด่วนสายดอนเมืองโทลล์เวย์อีกเส้นนั้น เกิดจากรัฐบาลได้แก้ไขสัญญาสัมปทานเพิ่มค่าทางด่วนจาก 43 เป็น 100 บาท เพื่อเยียวยาและขอให้เอกชน ถอนฟ้องต่อคณะอนุญาโตตุลาการ แต่เอกชนกลับมิได้ถอนฟ้องจนนำมาสู่คำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่ให้ไทยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 1,200 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร