นายกาย โรเซน รองประธานบริหารเฟซบุ๊กด้านการจัดการผลิตภัณฑ์ โพสต์ข้อความผ่านบล็อก แสดงความเสียใจกรณีแฮกเกอร์ สามารถเจาะบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กทั่วโลกกว่า 50 ล้านคน คาดว่า น่าจะอาศัยช่องโหว่ในช่วงที่เฟซบุ๊กพัฒนาระบบการทำงานและอัพโหลดวิดีโอ ซึ่งดำเนินการไปเมื่อเดือนกรกฎาคม แต่ยืนยันว่าการรักษาความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเฟซบุ๊ก ได้สกัดการเข้าถึงข้อมูลอื่น ๆ ในบัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบแล้ว และได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ รวมถึงหน่วยบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ ยังได้ระงับการทำงานของฟังก์ชัน View as เป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากฟังก์ชันดังกล่าวมีไว้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการดูว่าผู้ใช้รายอื่นมองเห็นหน้าเพจของตนในรูปแบบใด อย่างไรก็ดี ผู้ใช้เฟซบุ๊กไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรหัสผ่าน เพราะเฟซบุ๊ก ปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลของแฮกเกอร์ได้แล้ว แต่ผู้ที่มีปัญหาในการล็อกอินเข้าใช้งานใหม่ เนื่องจากลืมรหัสผ่าน สามารถเข้าดูรายละเอียดเพื่อใช้งานได้ที่ Help Center
ด้านนายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารเฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความผ่านหน้าเฟซบุ๊ก ชี้แจงว่า วิศวกรของบริษัทได้พบการเจาะระบบมาตั้งแต่วันอังคารและแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรง และแสดงให้เห็นว่า เฟซบุ๊กเผชิญการโจมตีจากบุคคล ซึ่งต้องการครอบครองบัญชีผู้ใช้ต่าง ๆ หรือขโมยข้อมูลทั่วโลก
อย่างไรก็ดี เฟซบุ๊ก จำเป็นต้องพัฒนาเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อป้องกันเหตุทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นกับเฟซบุ๊ก เพราะก่อนหน้านี้เฟซบุ๊ก ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน โดยล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า เฟซบุ๊กเปิดช่องให้บริษัทวิจัยและสำรวจความคิดเห็นของอังกฤษ “เคมบริดจ์ อนาไลติกา” เข้าถึงข้อมูลบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กผ่านโฆษณาหรือแบบสอบถามต่าง ๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่ได้อนุญาตและไม่ทันรู้ตัว
ทีมต่างประเทศ
FilePhoto Reuters