+++พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นำผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้แก่ พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด,พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก , พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาในโอกาสเกษียณอายุราชการ นายกฯ กล่าวอวยพร และขอบคุณคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่ร่วมกันทำงานในวาระการดำรงตำแหน่งอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้ร่วมถ่ายรูปหมู่ร่วมกันก่อนคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพเดินทางกลับ
+++การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน วาระสำคัญ คือ การพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการ( ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ( รองผบ.ตร.) วาระประจำปี 2561 และขออนุมัติก.ตร. ใช้อำนาจ มาตรา 56 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ในการแต่งตั้งรองผบก.ลงมา โดยใช้เวลาการประชุม 2 ชั่วโมง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้การแต่งตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทั้งหมด จำนวน 255 ตำแหน่ง มีทั้งเลื่อนสูงขึ้น โยกสลับระนาบเดียวกัน ซึ่งเป็นไปตามกฎ ก.ตร.
+++รายงานถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับนายพลตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำแหน่งเทียบเท่า จนถึงระดับผู้บังคับการ วาระประจำปี 2561 โดยตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ว่างลงหลังพลตำรวจเอกเดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา เกษียณอายุราชการ จะมีพลตำรวจโทชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายร้อยตำรวจรุ่น 36 เพื่อนร่วมรุ่น พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนี้แทน
+++สำหรับตำแหน่งที่น่าสนใจ ระดับผู้บัญชาการ ประกอบด้วย พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น นายร้อยตำรวจรุ่น 36 ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นั่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พลตำรวจตรีธีรพล คุปตานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว, พลตำรวจตรีสุทิน ทรัพย์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พลตำรวจตรีสมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นจเรตำรวจ, พันตำรวจเอกจิรภพ ภูริเดช รองผู้บังคับการกองปราบปราม เป็นผู้บังคับการปราบปราม
+++ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ ตามคาด แต่ตลาดได้รับรู้ไปมากพอแล้ว จึงไม่มีแรงกดดันมากนัก มีเพียงการขายทำกำไรเป็นระยะ หลังจากดัชนี ปรับขึ้นพอสมควร ส่งผลให้ปิดตลาดที่ 1,752.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 63,424.61 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 101.20 จุด ปิดที่ 27,715.67 จุด
หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค.
+++ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ร่วงลง 237.05 จุด ปิดที่ 23,796.74 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจาก นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีนิกเกอิ พุ่งขึ้นติดต่อกัน 8 วันทำการ
+++นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่าฯกทม.) ชี้แจงกรณีการบริหารงานหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ยืนยัน กทม.ไม่เข้าไปบริหารงาน เป็นหน้าที่ของมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมฯ ที่จะดำเนินการบริหารจัดการ ส่วนประเด็นที่ถูกตัดงบประมาณ จนจะถูกตัดน้ำ-ตัดไฟ ได้สั่งการให้สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ดำเนินการชำระค่าน้ำ-ค่าไฟ ให้กับมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมฯ ในปี 2561 แล้วกว่า 9 ล้านบาท ภายใต้งบประมาณที่จัดสรรไว้ 40 ล้านบาท
+++กทม.เชิญคณะกรรมการมูลนิธิฯ หารือร่วมกันวันจันทร์นี้ ในประเด็นการปรับแก้ไขข้อสัญญา เพื่อหาทางออกร่วมกัน ยืนยันกรุงเทพมหานคร ไม่มีแนวทางจะนำหอศิลปวัฒนธรรมฯ มาบริหารเอง
+++ข่าวการปรับหลายหมื่นบาทสำหรับคนไม่มีใบขับขี่ สำนักวิจัยซุปเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ ได้สำรวจความเห็นของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนทุกสาขาอาชีพ 1,136 คน พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 80.4 เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายเพิ่มค่าปรับสูงสุดหลักหมื่นบาท เพื่อจัดการกับพวกขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดติดตามจับกุมถึงที่สุด ร้อยละ 80.7 เห็นด้วยกับการลงโทษสูงสุด กับพวกเมาแล้วขับ เพราะทำให้ผู้อื่นไม่ปลอดภัย ส่วนความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย ส่วนใหญ่ ร้อยละ 86.3 รู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาข้ามถนนบนทางม้าลาย ขณะที่มีรถยนต์ผ่านไปมา เพราะรถยนต์ไม่ยอมจอดให้คนข้าม โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่ไม่ยอมจอดตรงจุด ฝ่าไฟแดงตรงที่ไม่มีกล้อง ไม่มีตำรวจ
+++สิ่งที่น่าเป็นห่วงของความไม่ปลอดภัยทางถนน ร้อยละ 91.5 พวกขับรถเร็วเกินกำหนด ขับรถประมาทหวาดเสียว แล้วไม่ถูกจับกุม ไม่ถูกตำรวจ ร้อยละ 75.1 เพราะพฤติกรรมแย่ทำให้ถนนไม่ปลอดภัย เช่น ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ขับรถไล่จี้ท้ายรถคันอื่น
+++ผลสำรวจร้อยละ 95.8 เห็นว่า ควรแก้ไขกฎหมายจราจร นำเงินค่าปรับไปพัฒนาด้านต่าง ๆ มากกว่า ให้ตำรวจอย่างเดียว เช่น เพิ่มความปลอดภัยบนถนน พัฒนาห้องสมุดประชาชน พัฒนาท้องถิ่นคนที่ทำผิด
+++ภายหลังการประชุมระหว่างคณะกรรมการบริหารรถตู้และคณะทำงานจัดระเบียบรถตู้ กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ข้อสรุปจากการหารือ คณะทำงานยืนยันจะไม่มีการขยายระยะเวลาให้รถตู้โดยสารที่มีอายุเกิน 10 ปีมาวิ่งให้บริการ โดยต้องเปลี่ยนรถใหม่ตามที่กำหนด ผู้ประกอบการรถตู้ ยินดีที่จะปฏิบัติตามขณะที่รถตู้หลายเส้นทางที่จะมีรถหายไปไม่มีปัญหา เพราะผู้ประกอบการ แจ้งว่าจะพยายามหารถมาหมุนเวียนทดแทน
+++อย่างไรก็ตาม ขบ. ได้เตรียมแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเดิม โดยได้ร่วมกับสถาบันการเงินภาครัฐสองแห่ง คือ ธนาคารกรุงไทยและบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เตรียมเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำกว่าเกณฑ์ให้ผู้ประกอบการ 2,000 ล้านบาท ควบคู่ไปกับการส่งเสริมช่องทางในการขายรถตู้เก่าเพื่อนำเงินมาลงทุนเพิ่ม
+++ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงคนหนึ่งว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯพูดจาโผงผางและระเบิดอารมณ์ใส่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ระหว่างการพบกันที่สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ(ยูเอ็น)เมื่อเย็นวันจันทร์ นอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่ของยูเอ็น นายทรัมป์ แสดงความไม่พอใจเรื่องนโยบายการค้าของกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)และตำหนิเรื่องนโยบายการค้าของกลุ่มอียูว่าแย่ยิ่งกว่าประเทศจีน
+++แหล่งข่าว เปิดเผยว่า นายทรัมป์ ขอให้กลุ่มอียู เปิดตลาดการเกษตรให้มากกว่าเดิม ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการบ่นในเรื่องเดิมกับที่นายทรัมป์ เคยพูดกับนายมาครง ในช่วงที่ผู้นำฝรั่งเศส เยือนทำเนียบขาวของสหรัฐฯเมื่อเดือนเมษายน แต่ที่ผ่านมาเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาของทั้งสองฝ่ายและยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่นายมาครง ก็ให้เกียรตินายทรัมป์ โต้แย้งในบางประเด็นและพยายามจะทำให้การพูดคุยกันกลับมาอยู่ในประเด็นที่ตั้งไว้ รวมถึงปัญหาเรื่องอิหร่านและเกาหลีเหนือ
+++นายมาครง มองว่า แนวคิดชาตินิยมและนโยบายการปกป้องตลาดภายในประเทศของนายทรัมป์จะไม่ประสบผลสำเร็จในระยะยาว เพิ่มเติมว่า แนวทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาวิกฤติทั่วโลกคือการทำงานร่วมกันและการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆทั่วโลก
แฟ้มภาพ