ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) เพื่อพิจารณาแนวทางการออกอากาศ หลังศาลปกครองทุเลาคำสั่งกสท. ให้ช่อง3ยังออกอากาศผ่านโครงข่ายเคเบิล-ดาวเทียมได้ จนถึงวันที่11ต.ค. กรรมการกสท.3คน ประกอบด้วย พล.ท.พีระพงศ์ มานะกิจ ,นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และน.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ร่วมกันแถลงข่าวว่าที่ประชุมกสท. มีมติ3ต่อ2เสียง ตอบกลับหนังสือของบริษัทบีอีซีมัลติมีเดีย ในนามของช่อง3ดิจิตอล หากต้องการนำผังรายการของบริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ หรือช่อง3อนาล็อก มาออกอากาศคู่ขนาน สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฏหมาย โดยต้องส่งหนังสือให้กสท.ตรวจสอบรายละเอียดของผังรายการก่อน ทั้งนี้ จากที่ช่อง3ขอให้กสท. นิยาม"การประกอบกิจการด้วยตนเอง" น.ส.สุภิญญา ชี้แจงตามมติของกสท.ว่า หากผู้รับใบอนุญาตสามารถควบคุมและรับผิดชอบผังรายการได้ตามสัดส่วน ก็ถือว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นได้ประกอบกิจการด้วยตนเอง ไม่ขัดต่อเงื่อนไขที่ทำไว้ตอนประมูลกับกสทช. เช่นเดียวกับกรณีที่ช่องทีวีดิจิตอลรายอื่นนำรายการหรือภาพยนตร์จากต่างประเทศมาฉาย ก็ยังถือว่าผู้รับใบอนุญาตนั้น เป็นผู้ประกอบกิจการด้วยตนเอง แต่ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหารายการที่ออกอากาศด้วย ส่วนกรณีที่ช่อง3 อ้างถึงคำว่าเป็นคนละนิติบุคคล น.ส.สุภิญญา ชี้แจงว่า ตามประกาศกฏหมายมาตรา9 ไม่ได้พูดถึงคำว่านิติบุคคลเหมือนกรณีคดีทางแพ่ง แต่ตามเนื้อหาจะพูดถึงการประกอบกิจการเองเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเอกสารของบริษัทบีอีซีมัลติมีเดียฯก่อนการประมูล พบว่ามีลายเซ็นต์ของผู้มีอำนาจควบคุมเป็นคนเดียวกัน และเชื่อมโยงกับบริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนท์ และบีอีซีเวิร์ลชัดเจน มติกสท.จึงมองว่าผู้มีอำนาจของช่อง3 คือคนเดียวกัน ทั้งนี้หลังจากกรรมการกสท.3คนแถลงข่าวเสร็จสิ้น พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานกสท. ได้มาชี้แจงกับสื่อมวลชนเพิ่มเติม โดยกล่าวถึงการลงมติของกรรมการกสท. ว่าทุกคนเห็นพ้องให้มีการออกอากาศแบบคู่ขนานเพื่อสนับสนุนเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิตอล แต่ตนเองและพ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า เป็นกรรมการกสท.2คนที่สงวนความเห็นและมีความเห็นขัดแย้ง ในประเด็นที่ตีความว่าช่อง3สามารถออกอากาศแบบคู่ขนานได้เพราะมีผู้มีอำนาจเป็นเดียวกัน โดยพ.อ.นที ระบุว่าเป็นการเห็นต่างด้านกฏหมาย แต่เมื่อมีการลงมติ ก็ยินดียึดตามเสียงข้างมาก
อภิสุข