ความคืบหน้าโครงสร้างหอระฆัง หรือเจดีย์ยักษ์ ของวัดพระยาทำวรวิหาร เขตบางกอกน้อย ทรุดตัวลงมาทับคนงาน ขณะกำลังบูรณะ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 11 คน และเสียชีวิต 1 คน วันนี้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.)ได้ประสานผู้เชี่ยวชาญมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการนำเครื่อง3 D Scanning มาตรวจสอบและวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของเจดีย์
ผศ.ดร.ชัยณรงค์ อธิสกุล รองผู้อำนวยการโครงการเทคโนโลยีวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดเผยว่า เครื่องมือดังกล่าวสามารถมองเห็นพิกัดโครงสร้างเจดีย์ได้ชัดเจนมากกว่าตาเปล่าและยังสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ได้อย่างละเอียด โดยหลังจากที่ได้ข้อมูลแล้วจะต้องไปประมวลในฐานคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบความเสี่ยง คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบครึ่งวันก่อนจะส่งข้อมูลให้กรมศิลปากรต่อไป
สำหรับอาคารที่เป็นโบราณสถานแบบก่ออิฐค่อนข้างมีความเสี่ยง ที่ผ่านมาเครื่องมือตัวนี้เคยใช้ตรวจสอบโบราณสถานหลายแห่ง ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ ก่อนที่จะส่งข้อมูลให้กรมศิลปากรต่อไป
สำหรับช่วงค่ำของเมื่อวานนี้พบผู้เสียชีวิตติดอยู่ใต้ฐานของเจดีย์ยักษ์ นายณัฐพงษ์ มีโภคกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางกอกน้อย กล่าวว่า ช่วงเย็นที่มีการตรวจสอบยอดคนงานกับทางหัวหน้างาน ระบุว่ามีคนงานทั้งหมด 20 คน และส่งผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาลหมดแล้ว แต่เมื่อตรวจสอบอีกครั้งพบว่ามีคนงานหายไปหนึ่งคน จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและก็พบร่างของ นายสุริยันต์ ทองสาย เสียชีวิตในลักษณะนอนคว่ำอยู่บริเวณฐานใกล้กับผู้บาดเจ็บคนสุดท้ายที่ช่วยขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้คาดว่าเป็นความเข้าใจผิดของผู้คุมงานที่คิดว่าผู้บาดเจ็บไปอยู่โรงพยาบาลหมดแล้ว โดยขณะนี้มียอดผู้บาดเจ็บสาหัส 3 คน ,บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 4 คน ,บาดเจ็บเล็กน้อยกลับบ้านได้ 4 คน และเสียชีวิต 1 คน
ส่วนการเอาผิดจะต้องปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะมีแนวทางการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างไร และการแจ้งความดำเนินคดีกรณีมีผู้เสียชีวิตเป็นเรื่องของทางญาติในการดำเนินการ
ส่วนสาเหตุการยุบตัวต้องรอตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งเขตจะไปลงบันทึกประจำวันไว้ โดยเจดีย์ยักษ์ดังกล่าว เป็นอำนาจการดูแลของกรมศิลปากรในการดำเนินคดี ในพื้นที่ของสำนักงานเขตบางกอกน้อยมีวัดเก่าแก่อยู่ 32 วัด ซึ่งจะส่งเจ้าหน้าที่เขตลงพื้นที่สำรวจ เพื่อประเมินและตรวจสอบความปลอดภัย